คลังเก็บป้ายกำกับ: ประวัติศาสตร์

สัตว์ที่มีความลึกลับที่เรายังเกิดไม่ทัน

Shark Ahoy

เมื่อในปี2010ทางด้านกูเกิลเอิร์ธนั้นได้สามารถจับรูปภาพของเจ้าปลาฉลามที่มีความลึกลับได้ที่ท่าเรือ ซึ่งถ้าหากว่าเรานั้นได้มองรูปภาพแล้วนั้นเราก็จะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นรูปของเจ้าปลาฉลามที่มันได้มีรูปลักษณ์ที่ดูผิดจากปกติขนาดใหญ่ นอกจากนี้ทางด้านนักวิเคราะห์ก็ได้สันนิษฐานว่าเจ้าปลาฉลามตัวนี้

มันอาจจะมีระดับความยาวประมาณ35ฟุตกันเลยที่เดียวแต่สิ่งที่มันดูแปลกไปจากนั้นก็คือมันไม่มีจดบันทึกในส่วนของข้อมูลอะไรเอาไว้เลยที่มันจะดูเหมือนกับเจ้าปลาฉลามลักษณะแบบนี้เลย และเจ้าสิ่งนี้มันอาจจะดูเหมือนกับเป็นปลาฉลามที่อยู่ในยุคของโบราณที่มันยังคงหลงเหลือและมีชีวิตอยู่ใต้ท้องน้ำมหาสมุทรมันก็อาจจะเป็นไปได้

ปลาโบว์โร่

สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่ายานUFOและเหล่าซอมบี้ ผี หรือ มนุษย์ต่างดาว ที่มันได้เป็นเรื่องราวที่ฟังดูน่ากลัวแล้วละก็สิ่งที่มันมีชีวิตเหล่านี้มันก็มองดูว่าน่ากลัวไม่แพ้กัน ซึ่งโดยนักวิศวะกรคนหนึ่งก็ยังได้บอกอีกด้วยว่าในขณะที่เขานั้นกำลังใช้งานของกูเกิลเอิร์ธอยู่นั้นเพื่อทำการสำรวจทางเรืออีฟบอล จากนั้นตัวของเขาเองก็จะได้ตกตะลึ่งกับภาพรูปหัวปลาที่มีขนาดใหญ่ที่มันได้หลบอยู่ที่ใต้ผิวน้ำ

ซึ่งมันได้มีรูปลักษณะที่ดูคล้ายกับเจ้าปลาโบวโร่เนื่องจากว่าเจ้าปลาชนิดนี้ได้ชอบแอบอยู่ที่ใต้มหาสมุทรลึกมันได้เป็นปลาที่ชอบหลบซ้อนตัวจากนั้นมันก็การโจมตีสัตว์เล็กที่ได้ผ่านหลุมที่มันซ่อนตัว นอกจากนี้ในการพบเห็นเจ้าปลาโบว์โร่นั้นมันก็ยังต้องเป็นการค้นหาคำตอบอยู่ต่อไปว่ารูปภาพเหล่านี้มันได้เป็นรูปภาพที่แท้จริงหรือว่ามันจะเป็นแค่เพียงรูปภาพตัดต่อเท่านั้น

Nessie

เนื่องจากใต้ท้องทะเลแห่งนี้มันเต็มไปด้วยความลึกลับเยอะแยะมากมายรวมไปถึงสิ่งที่มีชีวิตที่พวกมันได้หลบซ่อนและอาศัยอยู่ที่นั่นแต่ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการสำรวจและค้นพบอีกเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้มีรูปภาพปริศนาที่ถูกถ่ายภาพได้จากทางด้านกูเกิลเอิร์ธ เนื่องจากรูปภาพที่ได้เห็นกันอยู่นี้

ยังได้มีการวิเคราะห์แล้วว่ามันได้เป็นสัตว์ที่มีความลึกลับที่มันได้มีชื่อเรียกกันอยู่ว่าเนสซีจากดังรูปภาพที่ได้เห็นมันจะมีลำตัวที่ใหญ่ที่มันได้ว่ายอยู้ใต้ผิวน้ำเนื่องจากมมันได้ดูคล้ายคลึงกับล็อคเนสมอนสเตอร์ สำหรับเรื่องของเจ้าล็อคเนสมอนสเตอร์นี้มันได้เกิดเรื่องขึ้นเมื่อ1,500ปีมาแล้ว

ตำนานหอคอยเลือด  Bloody Tower 

           ที่เมืองลอนดอนประเทศอังกฤษนั้นมักจะมีตำนานเล่าขานกันสืบนารายณ์ตำนานซึ่งหนึ่งในตำนานที่ผู้คนต่างสนใจและยังคงหลอกหลอนผู้คนมาจนถึงปัจจุบันหนึ่งในตำนานนั้นก็คือวิญญาณเจ้าชายที่อาศัยอยู่ที่หอคอยเลือดหรือที่เราเรียกกันว่า  Bloody Tower ที่แห่งนี้

มีเรื่องเล่ามายาวนานตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ที่มีการสืบทอดบัลลังก์ร่วมกันกับเจ้าชายริชาร์ดทั้งสองพระองค์เป็นพี่น้องที่จะต้องมีการสืบทอดบัลลังก์ต่อจากเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แต่มีประวัติเป็นมาเล่าว่าทั้งสองพระองค์ได้หายตัวไปหลังจากที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ตายไปไม่นาน

โดยหลายคนเชื่อกันว่าทั้งสองพระองค์ถูกนำไปฆ่าเนื่องจากในตอนนั้นทั้งสองพระองค์ยังเป็นแค่เพียงเด็กน้อยที่ไม่สามารถต่อกรกับใครได้ทำให้ผู้ที่ต้องการอำนาจต่างก็พากันเยอะแยะ

อำนาจที่ต้องการครองบัลลังก์จึงได้มีการรักตัวรัชทายาททั้งสองพระองค์ไปฆ่าทิ้งและที่เป็นตำนานเล่าขานถึงความเฮี้ยนของหอคอยแห่งนี้เนื่องจากชาวอังกฤษเชื่อว่าวิญญาณของเจ้าชายทั้งคู่ยังคงรอคอยการแก้แค้นที่หอคอยเลือดแห่งนี้

ซึ่งมีคนเล่าว่าหากใครเดินมาที่หอคอยแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนแล้วก็คุณจะเห็นกับเด็กน้อย 2 คนหน้าตาน่ารักอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ทั้งสองคนจะจูงมือกันเดินไปเรื่อยๆแล้วอยู่ๆทั้งสองคนก็จะเดินหายไปเข้าไปในกำแพงของหอคอยเลือด และถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงตำนานการเล่าต่อๆกันมาแต่ก็มีข้อสันนิษฐานที่คาดการณ์กันได้ว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงเนื่องจากว่าในปีพุทธศักราช 1684 ได้มีช่างเดินทางมาซ่อมหอคอย

เนื่องจากหอคอยมีการทรุดโทรมมานานหลายปีซึ่งช่างที่เข้ามาซ่อมแซมได้มาเข้าซ่อมแซมทางฝั่งใต้ของหอคอยและพวกเขาก็ต้องตกลงเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าพวกเขาได้พบกับหัวกระโหลกของเด็กน้อยจำนวน 2 หัวด้วยกันและเมื่อเรื่องนี้มีการแพร่ไปประชาชนชาวอังกฤษต่างก็เชื่อกันว่าหัวกะโหลกทั้งสองหัวนั้นน่าจะเป็นหัวเข่าของเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์ที่หายสาปสูญไป

และถึงแม้ชาวเมืองต่างก็พากันทำบุญสวดมนต์ให้กับเจ้าชายทั้ง 2 คนเพื่อให้เจ้าชายได้ไปสู่สุคติแต่ใครก็ตามที่เดินมาวนเวียนที่หอคอยแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนต่างก็ยังพบเจอวิญญาณของเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์ที่มักจะมาเดินและวิ่งเล่นรอบๆบริเวณหอคอยจึงทำให้หอคอยแห่งนี้กลายเป็นหอคอยที่เป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมากๆเป็นหอคอยที่มีความเพียรมากที่สุดหอคอยหนึ่งในประเทศอังกฤษซึ่งทางเมืองต่างก็จะหลีกเลี่ยงการเดินทางมาที่หอคอยนี้ในช่วงเวลากลางคืนผมไม่ต้องการเจอกับเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์นั้นเอง 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  dewabet

หลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีให้เห็น

หลุมน้ำเงินครามแห่งเบลิซ

สำหรับหลุมดังกล่าวนั้นได้เรียกกันว่าหลุมน้ำเงิน ซึ่งมันได้เป็นสีที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและยังได้มีความที่โดดเด่น หากไม่ว่าเราจะมองยังไง ใครที่ได้มองเห็นต่างก็จะคิดกันว่ามันได้เป็นหลุมอย่างแน่นอน และสำหรับหลุมดังกล่าวนั้นได้อยู่ออกห่างจากเกาะเบลิซประมาณเพียงแค่70กิโลเมตร เนื่องจากสถานที่แห่งนี้จึงได้มีรูปลักษณะที่เป็นทรงกลมที่ได้มองดูมันเกือบจะสมบูรณ์ นอกจากนี้หลุมดังกล่าวนั้นยังได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ300เมตร และได้มีความลึกอยู่ที่ประมาณ124เมตร

ทั้งนี้ยังได้เชื่อกันว่าที่หลุมดังกล่าวนั้นมันได้เป็นหลุมที่อยู่กลางทะเลที่มันเป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในท้องทะเล เนื่องจากนี้ยังได้มีการวิเคราะห์ว่ามันอาจจะเกิดการก่อตัวขึ้นในช่วงของยุคน้ำแข็ง ซึ่งหลุมวงกลมนั้นได้มีความลึกของระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ100-120เมตร ทั้งนี้มันยังได้ต่ำไปกล่าวในปัจจุบัน ซึ่งวิเคราะห์แล้วว่าเดิมที่เริ่มแรกนั้นหลุมแห่งนี้มันยังได้เคยเป็นถ้ำมาก่อนแล้ว

เมื่อเวลาผ่านนานไประดับน้ำมันก็สูงขึ้น จึงทำให้มีน้ำที่สูงกว่าตัวถ้ำทั้งหมดจากนั้นเพดานก็ยังถูกน้ำกัดทำให้เพดานนั้นได้ถล่มลงไปและเกิดการยุบตัวลงเป็นอย่างมากมันก็เลยเกิดเป็นหลุมดังกล่าวอย่างที่เรานั้นได้มองเห็นกัน นอกจากนี้ในหลุมดังกล่าวนั้นหากได้ลงไปที่ระดับน้ำความลึกประมาณ40เมตรมันก็จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ24องศาเซลเซียส ในทุกๆปี บอกได้เลยว่าเย็นสบายเลยทีเดียว

นอกจากนี้สถานที่ที่ได้เป็นหลุมสีน้ำเงินนั้นยังได้มีนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาดำน้ำ ณสถานที่แห่งเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็ยังได้จบชีวิตของตัวเองเอาไว้ที่หลุมแห่งนี้เหมือนกัน เนื่องจากนี้ที่สาเหตุที่มันได้เกิดขึ้นมาแบบนั้นมันก็เพราะว่าในหลุมนั้นหากได้ดำน้ำลงไปอยู่ที่ประมาณระดับความลึกประมาณ60เมตร นอกจากนั้นมันก็จะทำให้มีอาการเหมือนเมาไนโตรเจนเมื่อได้ดำลงไปที่ระดับ60เมตร จากนั้นมันจะทำให้หมดสติ สำหรับในการที่จะดำน้ำลงไปในทุกๆ10เมตรนั้นจากนั้นถ้าหากว่าเรานั้นได้ดำลงไปที่ระดับความลึกที่มากขึ้นแล้ว

ซึ่งมันจะทำให้ไนโตรเจนที่มันได้มีอยู่บนอากาศนั้นไปมีการละลายเข้าไปในเนื้อเยื่อที่จะเข้าไปสู่ของเหลวที่อยู่ในร่างกาย หากคุณดำน้ำลึกลงไปมากเท่าไรมันก็จะจึงใช้ระยะเวลาที่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มันก็จะทำให้ปริมาณของไนโตรเจนนั้นมันก็จะมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งสำหรับไนโตรเจนนี้มันก็ยังได้เป็นสาเหตุที่เกิดอาการเมาเพราะถ้าหากว่ามันมีปริมาณที่มากจนเกินไปมันก็อาจจะทำให้เรานั้นไม่มีสติได้เช่นกัน

รถยนต์ของผู้นำต่างประเทศจะเป็นอย่างไร

การที่ได้เป็นนายกหรือประธานาธิบดีนั้น ซึ่งจะได้เป็นคนที่ได้ดำรงในตำแหน่งของผู้นำประเทศที่สำคัญมากที่สุดแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นในการที่นายกหรือประธานาธิบดีนั้นที่จะไปปรากฏตัวอยู่ในท้องที่ต่างๆมันก็จะต้องมีการรักษาความปลอดภัยอีกทั้งยังรวมไปถึงยานพาหนะที่ใช้ส่วนตัวที่จะต้องใช้สำหรับในการเดินทางไปที่ต่างๆด้วยกัน

ซึ่งรถแต่ละคันนั้นจะไม่เน้นไปที่ความหรูแต่จะคำนึงไปถึงความปลอดภัยในตลอดเส้นทางอีกด้วย  เนื่องจากนี้ประเทศที่เป็นมหาอำนาจส่วนใหญ่แล้วนั้นมักจะชอบมีความชัดแย้งมากที่สุดและสำหรับในวันนี้จะพาทุกคนมาดูรถยนต์ของนายกแต่ละคนนั้นจะมีรูปลักษณะอย่างไรมาดูกัน

ประเทศฝรั่งเศษ/Citroen DS7 Crossback

สำหรับประเทศฝรั่งเศษที่ได้เป็นดินแดนแห่งน้ำหอมที่ไม่ได้โด่งดังเพียงแค่น้ำหอมแต่เพียงเท่านั้นแต่มันยังได้มาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ผลิตด้านรถยนต์อีกด้วยดังนั้นในวาระในการที่จะเลือกแบนรด์ที่จะนำเอามาใช้ในการปกติบัติงานจึงได้มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามความชอบของประธานาธิบดีโดยสำหรับEMMANUEL MACRONประธานาธิบดีคนล่าสุดนั้น

เขาก็ได้เลือก DS AUTOMOBILESที่ได้อยู่ในภายใต้ในการดูแลของแบนรด์รถยนต์ระดับหรู Citroenได้เลือกนำเอามาเป็นรถประจำตำแหน่งเป็นคันแรกโดยจะเลือกเป็นรถยนต์รุ่น DS7 Crossbackสำหรับรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีEMMANUEL MACRONนั้นก็ได้ถูกนำเอามาปรับแต่งเพื่อเป็นความปลอดภัยด้วยการที่ติดเกาะกันกระสุนให้รอบคันแถมยังได้เพิ่มความสวยงาม

และมีความหรูหราด้วยการพ่นสีน้ำเงินพิเศษให้รอบตัวรถและนอกจากนี้ยังได้มีการตกแต่งรถยนต์ภายในด้วยหนังสีดำตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝรั่งเศษพร้อมทั้งธงที่ติดเอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถยนต์นอกจากนี้ก็ยังได้มีการแต่งลายละเอียดสีดำที่บนล้อและภายในห้องโดยสารอีกทั้งในรถคันนี้ยังได้มีความพิเศษคือหลังคาผ้าใบที่ไม่เหมือนกับรถคันไหนอีกด้วย

ประเทศญี่ปุ่น/Lexus LS 600hl

แน่นอนว่าสำหรับประเทศญี่ปุ่นยังไงแล้วก็จะต้องเป็นรถของสัญชาติของตัวเองนั้นก็คือแบนร์ดโตโยต้าและสำหรับรถของประเทศญี่ปุ่นที่ได้เลือกนั้นก็คือLexus LS 600hlแต่ที่น่าแปลกใจคือรถเหล่านี้ได้มาในรูปแบบเดิมๆและไม่ได้มรการดักแปลงใดๆที่เหมือนกับรถของผู้นำด้านอื่นๆและนั่นเอง

มันก็ได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรที่พวกเขานั้นมีและมันก้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รถหุ้มเกาะใดๆมาปกป้องเพราะเป็นเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นมิตรที่ดีต่อทั่วโลกทั้งนี้ผู้นำประเทศไม่ต้องใช้รถที่พิเศษใดๆที่จะต้องกลัวอันตราย

2ประเทศที่สภาพย่ำแย่จากการเมือง

เมืองที่คุณภาพชีวิตที่สุดจะเลวร้ายเหล่านี้ว่าสิ่งทั้งหมดที่เรานั้นต่างมีเหมือนกันก็คือความและแกร่งแย้งของผลประโยชน์ของมนุษย์ด้วยกันนั่นเอง

เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง

สำหรับเมืองบังกีได้มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อาทิของป่าไม้สัตว์ป่ายกตัวอย่างเช่นกอลิล่าและช้างป่าแร่ธาตุต่างๆทองเพชรและยูเรเนียมทั้งนี้เองก็ยังเป็นประเทศที่ได้มีความยากจนมากที่สุดในโลกเนื่องจากเป็นเพราะของสภาพของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการขาดเสถียนรภาพทางด้านการเมืองนับแต่ตั้งที่ได่รับเอกราชจากประเทศฝรั่งเศษเมื่อในปี2503ทั้งนี้ในบังกีนั้นยังเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยของความยากจนและยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะในจำนวนของประชาชนที่มีจำนวนมาก

ก็จะต้องพึ่งพาแต่ความช่วยเหลือเพื่อเป็นความอยู่รอดและยังยิ่งไปกว่านั้นด้านของปัญหาที่ได้มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงทางด้านของสมาชิกในพรรคการเมืองก็ได้มีการเกิดขึ้นอย่างไม่ว่างเว้นในบนพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากในความขัดแย้งของเหล่านักการเมืองแล้วยังได้มีความขัดแย้งทางด้านศาสนาคิดและศาสนามุสลิมด้วยทั้งยังซ้ำร้ายที่ประเทศแห่งนี้ก็ได้เกิดมีการทำการรัฐประหารกันอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งนี้ก็ยังส่งผลทำให้ประชาชนได้มีชีวิตในความเป็นอยู่ที่เลวร้ายเป็นอย่างมากทั้งนี้ประชาชนนั้นก็ยังไม่มีที่อยู่อาศัยที่ดีและสมบูรณ์และมันก็เป็นเนื่องมาจากที่ได้มีการทำการรัฐประหารอยู่ทุกครั้งนั่นเองและยังรวมไปถึงด้านปัญหาของเหล่านักการเมืองในประเทศนี้อีกด้วย

เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศที่มีการร่ำรวยน้ำมันและก๊าซทางธรรมชาติอย่างประเทศอิรักทั้งนี้เองก็ยังได้กลายเป็นประะเทศที่ได้รับกับความเสียหายจากผลกระทบบจากความขัดแย้งจากหลายครั้งหลายคาที่ได้มีการเกิดขึ้นมาภายในประเทศอิรักและในทั้งนี้ระบบของการจ่ายกระแสไฟฟ้าของประเทศอิรักนั้นได้สามารถส่งกระแสไฟฟ้าส่งได้เข้าถึงบ้านเรือนของชาวบ้านสามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้แค่ประมาณวันละ2/3ชั่วโมงเท่านั้น

และถ้าหากว่าชาวบ้านนนั้นจะต้องการที่จะใช้กระแสไฟฟ้าที่มากกว่านั้นก็จะต้องเป็นไปตามยถากรรมและถ้าหากว่าบ้านหลังไหนที่มีเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถที่จะปั่นไฟฟ้าใช้ได้ตลอด24ช.มและถ้าหากว่าบ้านไหนที่ไม่มีเครื่องที่ผลิตปั่นกระแสไฟ้าก็จะต้องอดทนเอาไปตามมีตามเกิดประเทศอิรักนั้นจะต้องประสบปัญหาการขาดแคลนด้านไฟฟ้าอย่างหนักท่ามกลางของสภาพอากาศฤดูร้อนระอุเฉลี่ยถึงประมาณ50องศาเซลเซียส

จำนวนเด็กอิรักกว่าประมาณ3ล้านคนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปเรียนหนังสือได้ขณะที่โรงเรียนจำนวนมากกว่าครึ่งประเทศก็ได้รับการซ้อมแซมแน่นอนว่าสิ่งที่ไม่จำเป็นอื่นๆก็ไม่เพียงพอด้วยเช่นกันด้านแพทย์อาหารและยาที่อยู่อาศัยทั้งหมดนี้ทำให้คนในประเทศอิรักต้องเผชิญความเป็นอยู่ที่เลวร้ายสุดนรก

วิทบอร์น ได้ไปพบกับนางเงือกตนหนึ่งที่เขาได้จดบันทึกเอาไว้

การล่องเรือของ วิทบอร์น ได้ไปพบกับนางเงือกตนหนึ่งที่เขาได้จดบันทึกเอาไว้

เจ้าชายโชโตกุ

เจ้าชายโชโตกุหนึ่งในประวัติศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่นพระองค์นั้นได้เป็นบุคคลที่มีพลังและมีสติ ซึ่งในศตวรรษ17พระองค์ทรงได้แนะนำรัฐธรรมนูญในมาตรา17ซึ่งได้เป็นการกำเนิดพฤติกรรมจากจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่อีกทั้งเจ้าชายโชโตกุนั้นพระองค์ไม่ใช่เป็นคนที่เชื่อในนิทานปรัมปราหรือไสยเวทย์วิทยาที่พิสูจน์ไม่ได้แต่อย่างไรก็ตามที่ทะเลสาบนิวะเจ้าชายโชโตกุยังได้ทรงเคยสนทนากับมนุษย์เงือกมาแล้ว

ด้านเงือกน้อยยตัวนั้นกำลังจะตายดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่ทางเงือกน้อยนั้นจะเล่าเรื่องของเขานั้นให้คนแปลกน่าฟังเงือกตนนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวให้เจ้าชายโชโตกุฟังว่าก่อนที่เขานั้นจะกลายมาเป็นมนุษย์เงือกนั้นเดิมที่แล้วเขาเคยเป็นชาวประมงที่เป็นมนุษย์ธรรมดามาก่อน

แต่เขาก็ได้ล่องเรือเข้าไปในน่านน้ำที่ต้องห้ามและเพื่อเป็นการลงโทษในการฝ่าฝืนกฏต้องห้ามเขานั้นก็ได้ถูกสาปให่้เป็นสัตว์ตัวประหลาดที่น่าเกลียด น่ากลัว ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นนั้นก็จะเรียกว่าNingyoเขานั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึกว่านี่มันคือการลงโทษซึ่งเขานั้นก็ได้ขอให้เจ้าชายโชโตกุให้ได้สร้างวัดเพื่อที่จะได้โชว์ร่างกายของเขาหลังจากที่การตายของเขาเพื่อที่จะได้เป็นการเตือนใจชาวประมงรายอื่นๆ

เพื่อไม่ให้ฝ่าฝืนกฏเข้าไปในน่าน้ำที่ต้องห้ามแต่ในปัจจุบันวัดนี้เป็นที่รู้จักกันในนามศาลเจ้าเทนโตเกียวสะซึ่งตั้งอยู่ภูเขาฟูจิที่สินซากของเงือกตนนั้นได้ถูกรักษาและดูแลโดยshintoละทิตามความเชื่อเดิมของชาวญี่ปุ่นละทิที่บูชาเทพเจ้าเชื่อถือเวทมนต์คาถารวมไปถึงการบูชาธรรมชาติและบรรพบุรุษ

กัปตันริชาร์ด วิทบอร์น

ริชาร์ด วิทบอร์นเขาได้เป็นนักสำรวจนักเขียนและเป็นผู้อาณานิคมในดินแดนของผู้คน ซึ่งในศตวรรษ16และ17เขาได้นำเรือต่อสู่กองเรือสเปนและจัดให้มีการหาปลาจากแคนาดาไปยังทะเลมิเตอร์เรเนียนดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากมายคนหนึ่งและเขาก็ไม่ใช้คนที่มีจินตนาการที่เพ้อฝันในปี1610นอกชายฝั่งของNeroundland รัฐแห่งหนึ่งของแคนนาดากัปตันริชาร์ด วิทบอร์นได้อธิบายของการเผชิญหน้ากับนางเงือกที่กำลังว่ายน้ำอย่างล่าเริง

เขาได้กล่าวว่านางเงือกนั้นสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วสามารถดำลงไปใต้น้ำและสามารถกระโจนขึ้นเหนือผิวน้ำได้ในระดับที่สูงมากพอที่จะทำให้เขาได้เชยชมสิ่งที่มหัศจรรย์นี้ไหล่และผิวของเธอนั้นไม่ได้ใส่อะไรเลยแต่วิทบอร์นอ้างว่าเขามองไม่เห็นใบหน้าเธอใมนขณะนั้นกัปตันริชาร์ด วิทบอร์นยังได้อธิบายต่ออีกว่า

นางเงือกได้ขึ้นมาบนเรือของพวกเขาซึ่งไม่ทราบว่าพวกเธอนั้นปีนขึ้นมาบนเรือได้อย่างไรแต่พวกลูกเรือกลัวเธอและมีหนึ่งในผู้ลูกเรือตีเธอด้วยพายของเขาหลังจากนั้นนางเงือกก็ได้ว่ายน้ำหนีไปซึ่งเรื่องราวนางเงือกของกัปตันริชาร์ด วิทบอร์นนั้นดูเหมือนจะมีลายละเอียดค่อนข้างมาก

 

สนับสนุนโดย  9luck

ประเทศที่ไร้การถูกพัฒนา

ประเทศหลายๆประเทศผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างปลอดภัยมีสวัสดิการที่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีแต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่สำหรับใครในหลายๆคนการดำรงด์ชีวิตเป็นไปอย่างยากลลำบากประชาชนขาดการศึกษามีโรคระบายคุณภาพชีวิตย้ำแย่

ซึ่งประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศที่ยากเกินกว่าที่จะพัฒนาขึ้นมาได้และในวันนี้เราจะพคุณมาพบกับประเทศที่แย่เกินกว่าที่จะเยียวยา

เยเมน

เยเมยนับเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับการพัฒนาน้อยมากที่สุดและยังได้ประสบปัญหายากจนมากที่สุดในประเทศหนึ่งในกลุ่มอาหรับรวมไปถึงในการเรียนรู้หนังสือต่ำเพียงแค่ร้อยละ49เท่านั้น เนื่องจากเยเมนในขาดเสถียรภาพทางการเมืองมาอย่างยาวนานผลจากความขัดแย้งนั้นจึงทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงรวมไปถึงค่าเงินในประเทศยังตกต่ำจึงได้ทำให้ครอบครัวชาวเยเมนจำนวนมากเสี่ยงกับภาวะขาดแคลนอาหารเยเมนเป็นประเทศที่ได้นำอาหารเข้ามากถึงร้อยละประมาณ90ของอาหารที่บริโภคกันทั้งประเทศ

ในการยึดท่าเรือของกลุ่มกบฏจึงได้ทำให้การนำเข้าอาหารจึงเป็นไปได้อย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้นในความขัดแย้งของประเทศเยเมนจึงนำมาสู่ความอดยากในครั้งใหญ่ด้านประชาชนประมาณ14ล้านคนจากประชากรชาวเยเมนทั้งสิ้น24ล้านคนซึ่งกำลังได้ตกอยู่ในสภาวะที่หิวโหยเด็กเล็กประมาณ1.5ล้านคนจะต้องมาประสบปัญหากับสภาวะการขาดแคลนอาหารอย่างหนักและในอีกหลายสถานที่ยังมีความไม่สงบอย่างรุนแรงจึงได้ทำให้การช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆไม่อาจที่จะเข้ามาถึงได้และสำหรับด้านแม่ลูกอ่อนนั้นจะต้องหยดน้ำเปล่าเพื่อที่จะประทังความหิวเพราะตนเองนั้นก็อดยากจนทำให้ตัวเองนั้นไม่มีน้ำนมในสถานที่โรงพยาบาลก็ยังเต็มไปด้วยผู้ป่วยเพราะเกิดจากการขาดสารอาหารอีกทั้งยังขาดแคลนยาที่จะต้องนำเอามารักษาเจ้าเด็กเหล่านั้นด้วย

อิรัก

ท่ามกลางความขัดแย้งจึงทำให้ประเทศอิรักย้อแย่ลงไปเรื่อยๆจากประเทศที่มีจำนวนแหล่งน้ำมันมหาสารกลับกลายเป็นประเทศที่ได้มีปัญหาหลายอย่างทั้งการขาดสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นน้ำไฟฟ้า อิรัก ขาดแคลนแรงงานในภาคผลิตและการบริการต้องจ้างคนมาจากบังคลาเทศเนปาลเอและเอธิโอเปียโดยปกติแล้วคนภายในชาติเคยร่ำรวยแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบจึงได้ทำให้ที่นี่นั้นจึงไม่ได้เป็นอย่างเคย

ผู้คนอดยากขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มในหลฃายๆครอบครัวยากจนอย่างรุนแรงเด็กได้ขาดการศึกษาอาคารบ้านเรือนเสียหายไร้การซ่อมบำรุงขาดบุคลากรในด้านต่างๆหัวกะทิของประเทศก็ได้อพยพไปที่ต่างประเทศประเทศได้หยุดการพัฒนามานานนับ10ปีปัจจุบันในหลายครอวครัวยังประสบปัญหาการวางงานการขาดแคลนอาหารและยังมีอีกหลายๆครอบครัว

เขตปกครองของพม่า

จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐฉาน และ เขตปกครองของพม่า

ผู้ปกครองในเขตพม่าแท้ ในยุคนั้นจึงได้ชักชวนผู้นำเขตภูเขากลุ่มต่างเพื่อให้มาร่วมลงนามร่วมประเทศโดยจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะการให้เป็นเวลา10ปีเพื่อที่จะได้เรียกร้องถวงคือเอกราชจากประเทศอังกฤษและในภายหลังจากนั้นจะยอมให้รัฐต่างๆมีสิทธิ์แยกตัวไปเป็นอิสระซึ่งก็ได้เรียกกันว่าสัญญา ปางโหลงแต่สำหรับภายหลังของการลงนามก็ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมามากมายและทุกอย่างมันดูไม่ค่อยจะราบรื่นนักจนเมื่อได้ครบ10รัฐบาลกลางของพม่าขณะนั้นกลับไม่ยอดให้ทางรัฐต่างๆ

ได้แยกตัวไปเป็นอิสระตามข้อตกลงในสัญญาจึงได้สร้างความไม่พอใจจนได้มาเกิดเหตุการณ์การต่อตานรัฐบาลกลางอย่างหนักด้านกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่มได้ถูกตั้งขึ้นตามแนวชายแดนและมีการสู้รบต่อสู้กันมาอย่างยืดเยื้อและถึงแม้จะมีการพยายามเจรจาในการหยุดยิงหลายครั้งแต่ต่อมาถจนถึงวันนี้เสียของระเบิดและควันปืนก็ยังไม่เคยได้จางหายไปจากดินแดนแห่งนี้ ดอยก่อวัน ในวันท6กุมภาพันธ์2562 หนึ่งวันก่อนที่จะไกล้มาถึงวันชาติรัฐฉาน หรือ ในวันชาติไทใหญ่ด้านกลุ่มของทีมงานก็ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้กัน

แต่เช้าในตลอดเวลาในช่วงเช้า ณ สถานที่บนดอยก่อวันจะมีการทำพิธีบวงสรวงพระบวรราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งด้านภายในงานจะมีชาวไทใหญ่และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในระแวกไกล้เคียงได้เดินทางมาร่วมงานในพิธีกันเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งนักเรียนที่กำลังเตรียมทหารรุ่นที่15ของด้านกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ส่วนในช่วงบ่ายก็จะมีพิธีทอดผ้าป่าในวัดก่อวันอิน

โดยเจ้าคณะอำเภอแม่ฟ้าหลวงหลังจากที่ได้เสร็จสิ้นพิธีสงฆ์เหล่าทหารจะได้มีการซักซ้อมเพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมสำหรบที่จะมีงานในวันรุ่นขึ้น ดอยก่อวัน ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐฉาน ซึ่งได้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฐานปฏิบัติการรัฐฉานที่1ภาคพื้นเชียงตุงโดยมีพลเอกเจ้ากอนจิ้นซึ่งเป็นผู้บันชาการที่มั่นนี้ได้ตั้งอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ตรงข้ามกับอำเภอแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายทางฝั่งประเทศไทย บนดอยนอกจากจะเป็นฐานที่มั่นทางทหารที่มีค่ายคูประตูรบยังได้มีวัดและโรงเรียนสถานพยาบาลและยังบ้านเรือนประชาชนได้สร้างกระจายอยู่ผู้คน

ซึ่งได้อาศัยอยู่รวมกันประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันที่หลากหลายทั้งชาวบ้านที่เคยตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมและคนที่ได้อพยพหนีภัยสงครามมาจากหลายพื้นที่ในรัฐฉานประชาชนที่ได้มีอยู่ราวๆประมาณ3,000คนครึ่งหนครึ่งหนึ่งจะเป็นชาวคนไทใหญ่

 

สนับสนุนโดย  dewabet

หนึ่งสถานที่ที่ตัวคุณนั้นไม่อาจรับรู้มาก่อนว่ามันจะหลงเหลืออยู่

Ciudad Perdida 

หากเราย้อนกลับไปในปี คศ1972 กลุ่มนักล่าสมบัติที่กำลังเดินทางอยู่ในป่าของเขต  Perdida ประเทศโคลอมเบียได้บังเอิญพบเข้ากับบันไดหินที่มีลักษณะที่คล้ายกับกำลังนำพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งและเมื่อนักล่าสมบัติได้เดินทางตามไปเรื่อยๆพวกเขาก็ได้พบกับนครโบราณร้าง ซึ่งพวกเขาก้ได้ตั้งชื่อตามภาษาสเปว่า  Perdida หรือแปลเป็นภาษไทยว่า นครโบราณที่หายสาบสูญทั้งนี้ด้านกลุ่นนักสำรวจไม่ได้ค้นพบนครโบราณเพียงอย่างเดียวพวกเขานั้นยังได้ค้นพบทองคำรูปปั่นโบราณและสิ่งของที่มีค่าด้านอื่นๆ

ซึ่งทั้งหมดนี้ลวนก็ได้ถูดส่งออกไปขายยังตลาดมืดทั้งสิ้นกว่าที่ทางการ โคลอมเบีย จะทราบเรื่องและก็ได้เริ่มบูรณะนครโบราณแห่งนี้ก็ประเข้าไปในปี คศ1976  ซึ่งในเวลานั้นนครโบราณ Ciudad Perdida ก็เหลือค่เพียงโครงสร้างและก็ไม่ได้มีสิ่งของมีค่าใดๆให้หลงเหลืออยู่อีกแล้ว โดยจากการศึกษานักโบราณคดีได้พบว่านครโบราณแห่งนี้น่าจะมีอายุราวๆประมาณปี คศ650 ถึง 800

ซึ่งมันก็ได้มีอายุเก่าแก่กว่ามาชูปิกชูในประเทศเปรูอีกด้วยและเมื่อครั้งนครCiudad Perdidaเจริญรุ่งเรืองมันอาจจะมู้อาศัยมากถึง 2,000 ถึง 8,000คนเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่ทำให้นครโบราณนั้นถูกทิ้งร้างนั้นก็เป็นเพราะสเปนได้เข้ามาล่าในดินแดนอาณานิคมแห่งนี้และทำให้ชาวเมือง Ciudad Perdida ต้องสละทิ้งเมืองหรือไม่พวกเขาก็อาจจะถูกสังหารไปจนหมดสิ้นถึงแม้ว่าปัจจุบัน นครCiudad Perdidaจไม่หลงเหลือสิ่งของล้ำค่าอยู่อีกแล้วแต่สิ่งปลูกสร้างของที่นี่ก็ถือว่ามันอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่งผู้ที่ได้มาเยือนก็จะได้พบกับบันไดหินที่ได้ถูกวางเรียงเป็นบันไดเป็นจำนวน10,200ขั้นอีกทั้งยังมีพื้นที่ระเบียงหิน

ซึ่งได้ถูกสลักจากหินภูมิเขาไฟสร้างความสวยงามตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่งแต่อย่างไรก็ตามในการเดินทางไปยังนครCiudad Perdidaมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเนื่องจากนครโบราณแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ในป่าที่มีความลึกและผู้ที่จะต้องเดินทางเข้าไปจะต้องเดินทางด้วยเท้าประมาณ75กิโลเมตร ซึ่งมันจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ6วันเลยทีเดียว  นครใต้พิภพ Agartha ศตวรรษที่ 19 มีนักวิชาการผู้ที่สนใจในศาสตร์ที่ลึกลับชาวฝรั่งเศสอย่าง อเล็กซานเดอร์

ได้ออกมาเผยแพร่ทิศดีที่น่าสนใจและล้ำยุคที่สุดในยุคนั้นโดยกล่าวว่าโลกของเรานั้นกรวงและภายในโลกของเรายังมรดินแดนที่เราเรียกกันว่าอากาต้าที่ได้เชื่อกันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันมนุษย์ทรงปัญญาและมีศีลธรรมโดยอากาต้านั้นถูกเชื่อมโยงกับดินแดนใต้พิภพ

 

สนับสนุนมาจาก  rb88

ประวัติสงครามของ ชาวอาหรับกับชาวยิว

สมันนั้น ซีเรีย กับ เลบานอน อยู่ภายใต้ระบบอาณัติของฝรั่งเศสองค์กรใต้ดินฮาก้าน่ามีข้อตกลงกับกองทัพอังกฤษว่าจะส่งกำลังพลไปช่วยรบเพื่อปลดปล่อยเลบานอน กับ ซีเรีย จากฝรั่งเศสอังกฤษจึงได้ปล่อยตัว โมเช ดายันเพื่อให้ไปช่วยรบในสงครามครั้งนี้ในวันที่ 7 มิถุนายน พศ2484 หรือ คศ1941

ขณะที่ทำการรบอยู่นั้นกองกำลังส่องกล้องอยู่ประจำฐานปืนกลที่บนหลังคารถกล้องก็ถูกลูกปืนสไนเปอร์จากศัตรูวิ่งเข้ามาปะทะทำให้ลูกตาซ้ายของเขาแตกภายหลังจากการฟื้นตัวเขาได้ประติเสธแก้วตาเทียมและเหลือกที่จะใช้แผ่นหนังปิดตาซ้ายซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาในฐานะผู้บันชาการทหารดินแดนปาเลสไตน์ที่ชาวยิวและชาวอาหรับอาศัยกันอยู่ปนเปกันนี้

ในสมัยก่อนนั้นเป็นดินแดนภายใต้อาณัติของอังกฤษในเดือนสิงหาคม ปีพศ2491 หรือ คศ1948 อังกฤษประกาสจะถอนอาณัติออกจากดินแดนปาเลสไตน์สหประชาชาติจึงได้จัดการแบ่งปาเลสไตน์ออกเป็นสองประเทศคือ ครึ่งหนึ่งให้ตั้งเป็น รัฐปาเลสไตน์ และอีก ครึ่งหนึ่งให้ตั้งเป็นรัฐอิสราเอล  ชาวอาหรับ ส่วนใหญ่ได้รับทราบข้อมูลล้วงหน้าจึงได้ไม่พอใจและได้เตรียมทำสงครามกับชาวยิวทางกรรมาธิการบริหารองค์กรตัวแทนชาวยิวในสมัยนั้น ชื่อนาย Divid Ben Gurion จึงได้ประกาสตั้งประเทศอิสราเอล ขึ้นเมื่อวันที่14พฤษภาคม พศ2491 หรือ คศ1948 และได้ดำรงด์ตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศคนแรก

ดังนั้นจึงเกิดสงครามชาวอาหรับและชาวยิววขึ้น โมเช ดายัน จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บันชาการที่แนวรบเยรูซาเล็มเมื่อจบสงครามก็จึงได้รับเลื่อนเป็น พลตรี และได้เข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบกที่อังกฤษเป็นระยะเวลา3เดือน โมเช ดายัน นั้นเขาได้รู้นิสัยตัวเองว่าคนนั้นเป็นเผด็จการเล็กน้อยสั่งงานเด็ดขาดและเป็นรองหรือเป็นเบอร์2ของใครไม่ได้เมื่อได้กลับจากอังกฤษรัฐบาลจึงได้ตั้งให้เขาเป็นรองเสนาธิการทหาร

ซึ่งเป็นตำแหน่งทางกองทัพแต่เขาไม่ยอมรับตำเหน่งเสนาธิการทหารและได้ประกาสว่าขอโทษข้าพเจ้าเป็นรองใครไม่ได้จริงๆรัฐบาลจึงให้เขาเป็นผู้บันชาการทหารทางภาคเหนือและให้กลับมารับตำแหน่งเป็นเสนาธการทหารเมื่อเขาได้เป็นเสนาธิการทหารอีกครั้งเขาจึงได้จัดการปรับปรุงกองทัพขนาดใหญ่จนกองทัพอิสราเอล มีประสิทธิ์ภาพสูงมากและสามารถรบได้ชนะทุกศึกสงคราม  บทบาทนักการเมือง ชีวิตนักการเมืองของ โมเช ดายันนั้นได้เริ่มต้นเมื่ออายุ41ปีเขารู้ตัวเองว่าต้องการเรียนต่อจึงได้ลาออกจากทหาร

และได้เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย ฮิบรู ในกรุงเยรูซาเล็มเขาเลือกเรียนภาษาตะวันออกกลางศึกษาในขณะที่กำลังเรียนเขาก็ได้ลงสมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคที่มีนายเดวิด เดโกเรียนเป็นหัวหน้าพรรคผลปรากฏว่าพรรคชนะการเลือกตั้งเดวิด เบนโกเลียน Ben Gurionดำรงด์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีส่วนเขานั้นได้เป็น ส.ส. และเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรกรรม

 

สนับสนุนโดย  next88