คลังเก็บหมวดหมู่: ประวัติศาสตร์

ลัทธิในยุคโบราณที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จัก

        ลัทธิในยุคโบราณ ในโลกของเรานั้นมีความเชื่อแปลกแปลกและมีลัทธิเกิดขึ้นต่างๆมากมายเยอะแยะเต็มไปหมดซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกประเทศต่างๆนั้นจะเป็นลัทธิที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในยุคโบราณแต่ในปัจจุบันนั้นลัทธิต่างๆได้สูญหายไปจนเกือบจะหมดแล้วเพราะผู้คนเริ่มหันมาเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นอย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงลัทธิความเชื่อต่างๆในสมัยโบราณซึ่งปัจจุบันนี้หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อประเทศต่างๆเหล่านี้กันแล้ว 

         ลัทธิบูชาเทพเจ้า Dionysus

                  เชื่อกันว่าชาวกรีกไมซีเนียนได้บูชาเทพเจ้า  Dionysus มาตั้งแต่ 1500 -1100 ปีก่อนคริสตกาลโดยพระองค์ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งไวน์  เทศกาลรื่นเริง  การละค รและปิติสานติ์  ซึ่งในอดีตนั้นก็มีการจัดเทศกาลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ขึ้นมามากมายจนทำให้เชื่อกันว่าเทศการเหล่านี้นั้นคือรากฐานสำคัญของการสร้างละครของชาวกรีกซึ่งละครที่ว่านี้ส่วนใหญ่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวตำนานความเชื่อต่างๆ

                  อย่างเช่นในบทละครที่มีชื่อว่า The Bus ได้กล่าวไว้ว่าเทพเจ้าใดในสังคมคนที่บูชาพระองค์การแต่งกายด้วยชุดที่ทำมาจากหนังสัตว์จะมีบทละครตัวหนึ่งได้กล่าวว่ามีผู้หญิงที่เป็นผู้ติดตามของพระองค์ไปทำการฉีกร่างสาวกเพศชายเป็นชิ้นๆได้ด้วยมือเปล่า

ซึ่งมักก็ทำให้นักวิชาการเกิดความสงสัยว่าจาก พฤติกรรมสยองขวัญแบบนี้ พวกเขาเคยทำมันจริงๆก็บูชาเทพเจ้าหรือไม่อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งความเชื่อที่ว่าเทพเจ้า  Dionysus คือผู้ปลดปล่อยได้หมายถึงว่าเป็นการใช้เหล้าองุ่นในการปลดปล่อยจิตใจเบื้องลึกของตัวเองจนเกิดเป็นความบ้าคลั่งหรือไม่ก็ปลดปล่อยจนมีความสุขอย่างเหลือล้น

        ลัทธิ Orphism  

             สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของโลกหลังความตายนั้น มีชาวกรีกและชาวโรมันบางส่วนเชื่อกันว่า หลังความตายนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการก้าวเข้าไปสู่โลกสีเทา ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ ในขณะที่ผู้คนบางส่วนเชื่อว่า ความตายนั้นจะพาดวงวิญญาณของเราไปเกิดในร่างใหม่ แต่ถ้าว่าสำหรับความเชื่อของกลุ่มที่นับถือลัทธิ Orphism นั้นแตกต่างออกไป

            โดยพวกเขาเชื่อว่าปลายทางที่จะจริงของชีวิตหลังความตายนั้นก็คือสวรรค์แต่การที่จะไปถึงจุดนั้นได้พวกเขาจะต้องทำการสวดภาวนาถึงเทพเจ้าOrphism ซึ่งเทพเจ้าองค์นี้จะสามารถดลบันดาลให้พวกเขาไม่ต้องไปเกิดในร่างใหม่หลังจากที่ตายไปแล้วคุณก็จะได้เจอกับผู้คุมวิญญาณ

ซึ่งเขาจะแนะนำคุณว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถไปสวรรค์ได้ซึ่ง 1 ในคำแนะนำที่ว่านี้ก็คือการที่คุณต้องบอกกับเทพ Persephone หรือราชินีแห่งโลกหลังความตาย ไหว้เทพเจ้าOrphism ได้ปลดปล่อยคุณแล้ว เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับอนุญาตให้ไปสู่สวรรค์ได้ 

 

สนับสนุนโดย.    สมัครหวยดี

1  กุมภาพันธ์ปี 1884 พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับออกซฟอร์ดฉบับแรกวางจำหน่าย

    พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับออกซฟอร์ด   เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีโอกาสได้ใช้งานพจนานุกรมภาษาอังกฤษกันมาบ้างแล้วเนื่องจากว่าปัจจุบันนั้นเด็กนักเรียนทุกคนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลขึ้นไปก็เริ่มจำเป็นที่จะต้องเรียนภาษาอังกฤษกันเพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องมีพจนานุกรมภาษาอังกฤษเอาไว้มาเป็นคู่มือ

ในการที่จะช่วยแปลคำศัพท์ให้กับเราซึ่งโดยปกติแล้ว  หวยฮานอย บาทละ 1000  เรามักจะเห็นว่าตามร้านขายหนังสือนั้นมักจะเอาพจนานุกรมของ oxford มาให้ขายให้กับลูกค้านั่นเองโดยในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงว่าพจนานุกรมของอังกฤษถูกนำมาวางจำหน่ายครั้งแรกได้อย่างไร

       สำหรับจุดเริ่มต้นในการที่จะทำพจนานุกรมขึ้นมาครั้งแรกนั้นเป็นความต้องการของทางสมาคมอักษรศาสตร์ที่พวกเขามีความรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับพจนานุกรมภาษาอังกฤษที่มีอยู่ในปัจจุบันในตอนนั้นเอง

ดังนั้นพวกเขาจึงได้มีการริเริ่มที่อยากจะมีการพจนานุกรมขึ้นมาซึ่งเป็นพจนานุกรมฉบับใหม่ดังนั้นจึงได้มีการรวมตัวกันของคนกลุ่มหนึ่งโดยสมาชิกหลักของกลุ่มนี้ก็คือ Richard Chenevix  , Herbert Coleridge  และ  Frederick Furnivall 

       สำหรับความต้องการที่คนกลุ่มนี้อยากจะสร้างพจนานุกรมขึ้นมาใหม่นั้นก็เพราะว่าเขาอยากจะมีการพัฒนาพจนานุกรมในรูปแบบใหม่เนื่องจากว่าของเก่านั้นยังค้นหาความสุขได้ไม่ดีเท่าที่ควรซึ่งบางทีก็ไม่มีคำศัพท์ที่อยากจะได้ดังนั้นในการทำหนังสือพจนานุกรมขึ้นมาใหม่นั้นจึงใช้สมาธิเป็นอย่างมาก

และทุกคนนั้นต่างก็ต้องทำงานกันอย่างหนักเลยทีเดียวแต่แล้วในที่สุดด้วยภาวะความเครียดทำให้กลุ่มสมาชิกหลักมีการถอนตัวออกไปหลายคนเหลือเพียงแค่ Frederick Furnivall  คนเดียวเท่านั้นที่ยังมุ่งมั่นที่จะทำพจนานุกรมขึ้นมาวางขายให้ได้

         อย่างไรก็ตามด้วยตัวเขาเองนะเหลือตัวคนเดียวและงานก็ยังคงหนักอยู่ยังมีงานมากมายที่ต้องรอให้เขาต้องจัดการทำให้Frederick Furnivall  เริ่มไม่สนใจที่จะทำพจนานุกรมหลังจากนั้นเขาก็เริ่มขาดการติดต่อไม่ยอมติดต่อกับผู้ช่วยของเขาทำให้แนวโน้มที่จะสร้างพจนานุกรมฉบับไหนนั้นเริ่มเข้ารางว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ

        แต่ในช่วงปีค.ศ 1870 Frederick Furnivall  ก็ตัดสินใจที่จะกลับมาทำพจนานุกรมต่อและเขาก็ได้มีการว่าจ้าง  James Murray ให้มาช่วยนอกจากนี้ยังมี สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย oxford ก็ตกลงที่จะจัดพิมพ์พจนานุกรมด้วยการ และทางออกฟอร์ดจะจ่ายเงินให้กับJames Murray  เป็นเงินเดือนค่าบรรณาธิการจัดทำหนังสือและคาดหวังว่าการจัดทำหนังสือจะเสร็จภายใน 10 ปีข้างหน้า

        จนพจนานุกรมฉบับแรกได้ตีพิมพ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปี 1884 โดยพจนานุกรมเล่มนี้มีชื่อเต็มว่าพจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับใหม่อิงหลักการเชิงประวัติจะทำจากเอกสารที่รวบรวมโดยสมาคมอักษรศาสตร์เป็นหลักมีเนื้อหา 352 หน้าเริ่มจาก Acer และวางขายเพียง 4000 เล่มเท่านั้น 

คำสาปวังหน้าของรัชกาลที่1

คำสาปวังหน้าของรัชกาลที่1 เพื่อนๆในกรุงเทพก็คงจะรู้จักกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนครที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวงใช่ไหมก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงของโบราณของประเทศไทยในอดีตซึ่งตัวอาคารก็นับว่าสวยมากๆจนไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นแค่เพียงพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว

เพราะว่าในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังโบราณสถานมงคลมาก่อนที่เป็นที่ประทับของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทที่เป็นน้องชายของราชการที่หนึ่งที่ได้ดำรงตำแหน่งวังหน้าในสมัยนั้นเมื่อพูดถึงวังหลวงวังหน้าในหัวของหลายๆคนก็จะเป็นภาพของตึกราชวังใช่ไหม

แต่เราขอบอกเลยว่าเวลาส่วนใหญ่ที่เขาเรียกกันมันไม่ได้หมายถึงสถานที่มันจะหมายถึงตำแหน่งรัชทายาทสมัยก่อนคือเขาจะแต่งตั้งคนที่มีสิทธิได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์คนต่อไปแล้วก็เรียกว่าวังหน้าคือรอเอาไว้ก่อนที่ชื่อเต็มๆของตำแหน่งก็คือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

นอกจากนี้การที่ใครหลายๆคนได้เรียกกันจนติดปากว่าวังหน้าสาเหตุก็มาจากในช่วงสมเด็จพระมหาราชาธิราชที่เป็นพระบิดาของสมเด็จพระนเรศวรพระองค์ก็ได้สร้างพระราชวังหลังเล็กๆหลังหนึ่งเอาไว้อยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวงให้เป็นที่ประทับขององค์รัชทายาทก็คือสมเด็จพระนเรศวรนี่เอง

ซึ่งด้วยความที่ว่าวังไปตั้งอยู่ด้านหน้าของวังหลวงนี่เองชาวบ้านก้เลยเรียกกันง่ายๆว่าวังหน้าๆและในเวลาต่อมาก็เลยเป็นคำเรียกขององค์รัชทายาทที่ประทับอยู่ในวังหน้าไปด้วยนั่นเองแล้วรู้หรือไม่ว่าบ้างทีคำว่าวังหลวงเขาก็ยังใช้สื่อของการเรียกองค์พระมหากษัตริย์ในยุคนั้นด้วย

โดยตำแหน่งก็ได้ดำรงมาเรื่อยๆจนกระทั่งมีกรุงรัตนโกสินทร์กันแล้วก็ยังตามมาอยู่โดยในยุคของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระองค์ก็ได้เริ่มสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นจัดระบบบ้านเมืองที่พยายามจะทำให้กรุงรัตนโกสินทร์กลายเป็นอยุธยาคือเอาทุกอย่างออยุธยามาเลยว่าจะเป็นระบบทางการเมืองกฎหมายตึกบ้านช่องและตำแหน่งต่างๆรวมไปถึงตำแหน่งวังหน้าอีกด้วย

ดังนั่นวังหน้าในสมัยรัชกาลที่1 ก็ได้สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา  หวยออนไลน์บาทละ 1000  เพื่อจะให้เป็นที่ประทับของวังหน้าที่อยู่อยุธยาเลยแต่ทว่าเมื่อพระองค์นั้นได้จากไปสถานที่แห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ให้รกร้างไม่มีคนในวังอื่นเลยที่จะเข้ามาอยู่ต่อเนื่องจากว่ามันมีเรื่องของคำสาปเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยมันมีเรื่องเล่าว่าในขณะที่วังหน้าของท่านนั้นได้ป่วยแล้วท่านก็คาดว่าท่านน่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วก็ได้มองไปรอบๆประสาทแล้วก็พูดออกมาประมาณว่าของเหล่านี้ข้าอุส่าทำด้วยความคิดแล้วก็กำลังแรงตอนที่ข้าสร้างก็ไม่มีใครมาช่วยสร้างเลยหรือจะร่วมทุนร่วมแรงก็ไม่มีพอสร้างเสร็จก็ไม่ได้อยู่ดู

ประวัติสะพานหันในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง

พูดถึงสะพานหันขึ้นมาแบบนี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันดีใช่หรือไม่ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไปหาของกินย่านสะพานหันคนที่เคยไปช้อปปิ้งแถวสำเพ็งก็น่าจะเคยได้ยินชื่อสะพานหันหรือแม้กระทั่งคนที่ไม่รู้ทิศรู้ทางอะไรเลยก็น่าจะเคยได้ยินชื่อสะพานหันจากเกมเศรษฐีในภาษาไทยในสมัยเด็กเกมเศรษฐีช่องสุดท้ายก่อนที่จะเข้าปีใหม่รับภาษี2พันบาทมันจะต้องเป็นช่องสะพานหัน

ซึ่งเป็นช่องที่แพงที่สุดและคนก็จะแย้งกันโดยเราจำชื่อได้ดีเลยว่าสะพานหันแต่อยากรู้กันหรือไม่ว่าสะพานหันนั้นมันหันไปทางไหนหันซ้ายหรือหันขวาหันกลับหน้าหรือหันไปข้างหลังต้องบอกเลยว่าเราได้ไปศึกษาหาข้อมูลมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันแล้วและบอกเลยว่าประวัติศาสตร์ของสะพานหันน่าสนใจเป็นอย่างมากพร้อมแล้วไปกันเลย

นอกจากนี้สะพานหันเป็นสะพานที่มีที่มาตั้งแต่รัตนโกสินทร์ตอนต้นจำได้ใช่หรือไม่ว่ากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวงใหม่ที่ย้ายมาจากฝังกรุงธนบุรีย้ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาในสมัยรัชกาลที่1แน่นอนแล้วว่าตอนที่สร้างเมืองหลวงใหม่แน่นอนแล้วว่าจะต้องมีการสร้างเมืองขึ้นมาแล้วเมืองในสมัยก่อนมันไม่ใช่เมืองในสมัยปัจจุบันนี้ที่แบบแพร่ขยายไปทั่ว

เนื่องจากนี้ในสมัยก่อนนั้นเมืองคืออะไรเมืองก็คือเกาะพระนครแปลว่ามันจะต้องเป็นเกาะเพื่อความปลอดภัยในการรบทัพจับศึกอะไรต่างๆเกิดมีใครมาล้อมเมืองเกาะ

ดังนั้นแน่นอนแล้วว่าบริเวณที่ดินแต่เดิมมันไม่ได้เป็นเกาะเมื่อมีการมาตั้งพระราชวังตั้งสนามหลวงตั้งอะไรใหม่เขาก็จะต้องมีการสร้างพระราชวงศ์สร้างป้อมสร้างกำแพลสร้างประตูเมืองขึ้นมาใหม่และก็ต้องมีการขุดคลองคคูเมืองอีกด้วย

โดยคลองคูเมืองในตอนนั้นก็ขุดเฉพาะบางช่วงเพราะว่าในบางช่วงมันก็ติดอยู่กับแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้วใช้แม่น้เจ้าพระยาเป็นคูเมืองได้บริเวณที่ขุดก็ขุดยาวไปตั้งแต่บริเวณบางลำพูไปจนถึงบริเวณวัดเชิงเลนโดยขุดเป็นคลองกว้างสิบวาลึก5ศอกส่วนความยาว85เส้น13วาก็ค่อนข้างจะลึกและยาวมากเลยทีเดียว

ปรากฏว่าพอได้ขุดคูเมืองขุดอะไรเสร็จแล้วเกาะพระนครก็มีสภาพเป็นเกาะแล้วปัญหาก็คือแล้วประชาชนเดินทางเข้าออกไนพระนครกับนอกพระนครยังไงแน่นอนเดินไม่ได้ก็จะต้องมีสะพานเกิดขึ้นในตอนนั้นถ้าใครคุ้นกับประวัติกรุงเทพมหานครจะรู้ว่าที่ดินบริเวณเดิมที่เป็นเกาะพระนครเป็นที่อยู่ของชาวจีน

เมื่อมีการสร้างเมืองขึ้นชาวจีนก็เลยย้ายที่อยู่ไปที่บริเวณสำเพ็งดังนั้นบริเวณที่มีคนหนาแน่นมากที่สุดนอกเกาะพระนครก็คือที่บริเวณสำเพ็ง

 

ขอขอบคุณ  bk8  ที่ให้การสนับสนุน

ตำนานเผด็จการ นาย รีซึงมัน

ในปี ค.ศ.1960เมื่อประชาชนเห็นว่าไม่สามารถสู้ในระบบได้เลือกตั้งก็โดนโกงรัฐธรรมนูญก็โดนแก้ให้เหมาะกับเผด็จการไปเรื่อยๆประชาชนที่ทนไม่ไหวก็ออกกันทั้งประเทศเป็นครั้งแรกๆ

โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากนักเรียนนักศึกษาและแรงงานเรียกว่าApril 19 Movement ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วประเทศประชาชนโกรธแค้นถึงขีดสุดฟางเส้นสุดท้ายก็คือมีการพบศพเด็กมัธยมอายุเพียง16ปีถูกทิ้งในทะเล

ซึ่งเด็กคนนี้คนที่หายตัวไปหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่เพิ่งได้เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้านั้นความแค้นนี้ทำให้เกิดการลุกฮือที่ต่อเนื่องมาอีกถึง2สัปดาห์ รี ซึงมัน ประกาศสภาวะฉุกเฉินทหารตำรวจได้ใช้กระสุนจริงกับประชาชนมีคนเสียชีวิตไปถึง186คนแต่ก็ไม่สามารถที่จะควบคุใสถานการณ์ได้สุดท้ายแล้ว รี ซึงมัน ก็ตัดสินใจหนี

โดยขอความช่วยเหลือจากCIAให้เอาเครื่องบินมาพาออกไป นายรีซึงมัน ลี้ภัยไปอยู่ที่ฮาวาย5ปีก่อนที่จะเสียชีวิตไปในที่สุดความเป็นเผด็จการของ นายรีซึงมัน ไม่ใช่แค่แก้รัฐธรรมนูญจนกลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อพวกตัวเองเท่านั้น

ส่วนหนึ่งที่ทำได้ก็เพราะว่าในช่วงที่ประเทศอยู่ในสภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือเขาก็ใช้โอกาสนี้ออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ

ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าทำไปเพื่อความมันคงของตัวเองเพราะว่ากฎหมายถูกใช้กำจัดนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตรงข้ามแบบตามใจชอบโดยได้ตีตราว่าเป็นพวกฝักใฝ่เกาหลีเหนือแค่ช่วงต้นของสงครามเกาหลีมีนักโทษการเมืองถูกจับข้อหาคอมมิวนิสต์เกือบสามหมื่นคนถูกปรับทัศนคติเกือบสามแสน

นอกจากนี้ก็ยังได้มีการสังหารหมู่ประชาชนด้วยกำลังทหารอีกหลายต่อหลายครั้งเช่นในวันที่สงครามเปิดฉากกองทัพเกาหลีเหนือบุกเข้ามา นายรีซึงมัน กลับตัดสินใจสั่งประหารนักโทษการเมืองทั้งหมดเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมมากๆ

ยุคสาธารณรัฐที่สอง 1960 – 1961 หลังจากที่นายนายรีซึงมัน ได้ลี้ภัยไปแล้วเกาหลีใต้ก็ได้เข้าสู่ยุคใหม่อำนาจได้กลับมาสู่พลเรือนอีกครั้งและได้เริ่มกระบวนการเข้าสู่ประชาธิปไตยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญขนานใหญ่จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีให้น้อยลงเพิ่มอำนาจให้้รัฐสภาที่ตั้งขึ้นมาใหม่ใช้ระบบรัฐสภาอำนาจสูงสุดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี

รัฐสภานำโดยนายกรัฐมนตรี ชาง เหมียน เป็นยุคที่ฝ่ายซ้ายเริ่มผลักดันการเมืองมีการตั้งสหภาพอาชีพต่างๆมากมายเช่นสหภาพครูสหภาพนักข่าวในช่วงระยะเวลา8เดือนแรกของสาธารณรัฐที่2ประชาชนก็ได้มีการเคลื่อนไหวน้อยใหญ่ในเรื่องต่างถึง2พันครั้งและนายกรัฐมนตรี ชางเหมียนก็ถูกกดดันให้เช็คบิลกับเครือข่ายของ นาย รีซึงมัน มีคนถูกสอบสวนเกือบ4หมื่นคนข้าราชการและตำรวจหลายพันคนถูกขับออกจากตำแหน่งมีการวางแผนปฏิรูปกองทัพลดขนาดให้เล็กลงเพราะสงครามเกาหลีจบลงไปแล้ว

นายปรีดี พนมยงค์ จัดการกับผู้รุกรานที่ได้ยกพลขึ้นไทย

ภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกที่สร้างขึ้นโดยบริษัทปรีดีภาพยนตร์นี้สร้างขึ้นในแนวบรรยากาศโลกครั้งที่2กำลังกองตัวขึ้นในทวีปยุโปร

แนวคิดปรีดี ในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์และอำนวยการสร้างพยายามที่จะนำเสนอผ่านภาษอังกฤษเรื่องนี้คือการกระตุ่นย้ำเตือนให้ชาวโลกหลีกเลี่ยงสงครามและให้ตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่รวมกันอย่างสันติ

พระจ้าช้างเผือกถ่ายทำณรงถ่ายฟิล์มและในป่าจังหวัดแพร่โดยผู้แสดงส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศึกษาวิทชาธรรมศาสตร์และการเมืองแต่ไม่ทันที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ทำหน้าที่อันสำคัญอย่างยิ่งมหาสงครามโลก

ซึ่งได้กินระยะเวลายาวนานถึง6ปีและได้ฆ่าชีวิตผู้คนไปกล่าว40ล้านคนก็อุบัติขึ้นการเติบโตของระบอบเผด็จการชาตินิยมทั่วโลกนับแต่พุทธศักราช2465เป็นต้นมาได้กลายเป็นชนวนองสงครามโลกครั้งที่2ในที่สุด

เดือน กันยายน 2482 พรรคนาซีเยอรมนีได้เปิดฉากสงครามโดยการนำทัพบุกโปรแลนด์2ปีต่อมาญี่ปุ่นได้โจมตีกองทัพเรือที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ของสหรัฐโลกแบ่งฝ่ายอังษะ

ซึ่งได้นำโดยเยอรมนี อิตาลี และ ญี่ปุ่น กับ ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ อเมริกา รัสเซีย และ ฝรั่งเศส  2นาฬิกาของวันที่ 8 ธันวาคม 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกพร้อมกันที่สมุทรปราการและอีก6จังหวัดตลอดชายฝั่งทะเลภาคใต้ทหารตำรวจและพลเรือนไทยต่อสู้อย่างดุดเดือดแต่ก็ยากที่จะต้านทานกองทัพรูปพระอาทิตย์ที่ได้มีความเหนือกว่าทั้งด้านกำลังพลและอาวุธยุทธพันธุ์

เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมัดติเปิดทางให้ญี่ปุ่นผ่านเพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดเนื้อของชาวไทยรัฐบาลประกาศให้ทหารและพลเรือนทุกจังหวัดให้ยุติการต่อต้านผู้รุกรานท่ามกลางความเศร้าของชาวไทยทั่วประเทศเย็นวันนั้น นายปรีดี นับหมายผู้ใกล้ชิดมาร่วมหาลือที่บ้านกระบวกการต่อต้านญี่ปุ่นหรือที่ในเวลาต่อมาที่รู้จักกันในชื่อกระบวกการเสรีไทยถือกำหนดขึ้นนับแต่นั้น3วันถัดมาสถานทูตไทยวอชิงตัน

ซึ่งนำโดยอัคราชทูต หนุ่มเสนีย์ ปราโมช ประกาศไม่ขึ้นต่อการตัดสินใจของรัฐบาลไทยและกระบวกการเสรีไทยภายนอกประเทศขึ้นภารกิจในช่วงแรกของเสรีไทยในประเทศ

นอกจากพยายามจัดตั้งกองกำลังเพื่อเตรียมการต่อสู่กับญี่ปุ่นแล้วยังต้องการความพยายามส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้เสรีไทยภายนอกประเทศรับรู้เพื่อหาทางประสานกับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไปกำจัดพลานกูลศิษย์โรงเรียนกฎหมายที่สายรุ่นแรกที่ ปรีดี ในฐานะหัวหน้ากระบวนการเสรีไทยส่งไปยังประเทศจีนเพื่อหาทางติดต่อกับเสรีไทยในสหรัฐแต่คณะของจำกัดหายเงียบไปกว่า4เดือนหน่วยกล้าตายคณะที่สองจึงถูกส่งตามไป

เดือน กันยายน 2487 เสรีไทยภายในประเทศกับเสรีไทยกับสหรัฐอเมริกาติดต่อกันได้อย่างสำเร็จส่งผมทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถให้การช่วยเหลือกระบวนการทั้งด้านอาวุธและการวางแผนยุทธการอย่างเต็มที่

 

สนับสนุนโดย  dewabet

คณะราษฎรเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ พ.ศ.2469

จุดเริ่มต้นของคณะราษฎรเริ่มจากนักเรียนกฎหมายทุนรัฐบาลฝรั่งเศษ ปรีดี พนมยงค์ ที่มีเพื่อเป็นคนไทยด้วยกันก็คือ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี ที่ได้ลาออกจากราชการทหารมาเรียนต่อด้านรัฐศาสตร์สองคนนี้ได้เป็นตัวตั้งตัวตีทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเริ่มช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ.2469 หรือ ค.ศ.1926

ที่หอพักที่ได้ตั้งอยู่ชั้นบนของคาเฟ่แห่งหนึ่งในปารีสก็ได้มีการประชุมของกลุ่มนักเรียนนอกทั้งพลเรือนและผู้ที่มาเรียนวิชาทหารในยุโรปประกอบไปด้วย ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ หรือต่อมาก็คือ พลป. พิบูลสงคราม นักเรียนทหารปืนใหญ่ ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นักเรียนทหารม้า นายตั้ว ลพานุกรม นักศึกษาวิทยาศาสตร์ หลวงศิริราชไมตรี

หรือ นายจรูญ สิงหเสนี เป็นผู้ช่วยเลขานุการทูตสยามประจำกรุงปารีส นายแนบ พหลโธิน เนติบัณฑิตอังกฤษ ที่มีอาเป็นพระยาพหลพลยุหเสนาที่ได้ตามาเข้าร่วมและได้ถูกยกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มในภายหลัง

โดยเริ่มแรกทั้ง7คนนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสยามจากระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองที่กษัตริย์จะอยู่ใต้กฎหมายสูงสุดหรือหมายถึงว่าประเทศสยามจะต้องมีConstitutionมีกฎหมายกำหนดอำนาจสูงสุดแบบเป็นลายลักษณ์อักษร

ซึ่งต่อมาจึงเลือกคำแปลเป็นภาษาไทยว่า รัฐธรรมนูญ กลุ่มคณะราศฎรยุคบุกเบิก ยังคิดคอนเซ็ปต์ที่สำคัญอีกอย่างก็คือหลัก6ประการของคณะราษฎรเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา 

สำหรับเราแล้วพอได้ฟังผ่านๆมันก็คงเป็นสโลแกนที่ฟังดูไม่มีอะไรเท่าไรเหมือนเป็นอะไรสักอย่างที่นักเรียนมีไว้ท่องหน้าเสาธงตอนเช้า แต่หลัก6ประการนี้ถ้าพิจารณาดีๆเป็นความคิดที่พลิกฟ้าแผ่นดินเลยทีเดียวเพราะไม่เคยมีมาก่อนในประเทศสยามที่รัฐหรือผู้นำได้มีการประกาศอย่างชัดเจนว่าหน้าที่ของตนเอง

คืออะไรตนจะให้อะไรกับประชาชนบ้างเป็นการแสดงความรับรู้ว่าประเทศของราษฎรรัฐมีหน้าที่รับประกันว่าคนต้องงเท่ากันรับประกันว่าจะต้องสร้างเศรษฐกิจรับประกันว่าคนต้องได้รับการศึกษาต่างกับโลกในระบอบเก่าโดยสิ้นเชิงที่แผ่นดินนั้นมีเจ้าของอยู่แล้วและผู้อาศัยจะต้องอยู่ไปเรื่อยๆแบบรู้บุญคุณ

นอกจากนี้ยังจะต้องสำนึกเสมอว่าในฐานะผู้อาศัยเราต้องทำอะไรเจ้าของประเทศบ้างเอาจริงๆการที่ผู้นำจะมาสัญญิงศัญญาอะไรกับประชาชนนี่ถ้าไม่ใช่นักการเมืองก็ไม่เคยมีจะมีแต่ปราชนจะต้องท่องจำหน้าที่ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่วัยเรียนเช่น เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกันหรือแม้แต่ค่านิยม12ประการล่าสุดก็มีแต่บอกว่าหน้าที่ของประชาชนที่ดีต้องทำอะไรบ้าง

 

สนับสนุนโดย  nowbet

วัดที่มีความสวยงามที่ต้องไปสักการะให้ได้สักครั้ง

สำหรับวันนี้เราขอเสนอในเรื่องวัดบนเขาที่ได้มีความสวยงามเหมือดั่งสวรรค์ที่ทุกคนนั้นจะต้องเดินทางไปกรายบไหว้ให้ได้สักครั้งในชีวิตเรียกได้ว่าในประเทศไทยนั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาเพราะจัดเต็มไปด้วยวัดวาอารามมากมาย 

ซึ่งในแต่ละวันนั้นก็จะมีจุดที่มีความโดดเด่นกันออกไปอีกไม่ว่าจะเป็นพระประธานประอุโบสถเจดีย์วิหารและอื่นๆนอกจากนี้แล้วบางวัดที่อยู่ในต่างจังหวัดก็ยังคงตั้งอยู่ในบริเวณที่มีทัศนียภาพที่สุดแสนตระการตาวันนี้เราจะขอพาเพื่อนทุกคนไปพบกับวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทยที่เราจะต้องไปสักการะให้ได้เลยสักครั้ง

สำหรับวัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่  

วัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ นั้นถือได้ว่าได้มีความสวยงามที่มหัศจรรย์และยังได้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานที่น่าสนใจ

ซึ่งสภาพภายในของวัดถ้ำเสือนั้นได้มีลักษณะที่เป็นสวนป่าเป็นโพงถ้ำมีเพิงผาแหละแหล่งถ้ำที่เป็นธรรมชาติอย่างเช่นเลยถ้ำคนทันถ้ำรอดถ้ำช้างแก้วถ้ำลูกธนูถ้ำงูถ้ำเต่าถ้ำมือเสือและสิ่งที่มีความสำคัญภายในวัดถ้ำเสือนั้นดูเหมอืนว่าจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดและยังได้เป็นที่นิยมชื่นชอบของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

นอกจากนี้แล้ววัดถ้ำเสือนั้นได้อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองกระบี่ไปประมาณ9กิโลเมตรตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านถ้ำเสือตำบลกระบี่น้อยอำเภอเมืองจังหวัดกระบี่ซึ่งได้มีพื้นที่บริเวณวัดประมาณ200ไร่ประกอบไปด้วยพื้นที่ราบหุบเขาและยอดเขา

การเดินทางจากตังเมืองกระบี่เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกตลาดเก่าใช้เส้นถนนเพชรเกษมทางหลวงหมายเลขสี่เส้นทางอำเภอเหนือคลองและเลี้ยงซ้ายที่สามแยกถ้ำเสือขับต่อไปตามถนนเส้นราษฎรพัฒนาทางหลวงหมายเลข4037ขับตรงต่อไปประมาณ2กิโลเมตรและคุณก็จะพบกับเป้าบอกถนนหนทางอย่างชัดเจน

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์

ซึ่งวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ได้ตั้งอยู่ที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ได้เป็นวัดที่ได้มีความโดดเด่นมีความอลังการที่ไม่เหมือนใครนอกจากหมอกทะเลวิวทิวทัศน์ที่อยู่โดยรอบและทะเลหมอกสีขาวแล้วก็คือสีสันที่สดใสที่เกิดมาจากการนำเอาสีถ้วยชามเบญจรงค์มุกลูปัดแก้วแหวนเงินทองสิ่งที่มีค่าต่างๆตลอดจนเซรามิคหลากสีสันนำเอามาประดับตกแต่งให้มีความสวยงามเมื่อเวลาโดนแสงแดดทั่วทั้งบริเวณจะสะท้อนแสงแดดอย่างงวดงามเหมือนอย่างกับวัดที่อยู่บนสวรรค์

ซึ่งได้เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิควรค่าแก่การไปสักการะและการเส้นทางนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข21ผ่านจังหวัดสระบุรีและจังหวัดลพบุรีและเข้าทางหลวง22ขับตรงไปถึงแยกแคมป์สนขับตรงไปก็จะถึงปากทางเข้า

 

สนับสนุนโดย  rb88 ฟรี 300

ตำนานสงครามเวียดนามประเทศไทยได้ให้การสนับสนุน

ประเทศไทยได้ต้อบรับการร้องขอในวันที่21กรกฎาคม ค.ศ.1964ประเทศไทยก็ได้สนับสนุนเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการ ซึ่งในช่วงแรกประเทศไทยก็ได้ให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆไปก่อนทั้งการฝึกนักบินไอพ่นจนไปถึงส่งกำลังพลทางอากาศไปเวียดนามใต้แต่นั้นมันก็ยังไม่เพียงพอจนในวันที่28กุมภาพันธ์ ปีค.ศ.1967

ทางรัฐบาลไทยก็ได้ลงมติอนุมัติจัดส่ง  “กรมทหารสาสมัคร”  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หน่วยจงอางศึก” ได้เข้าช่วยเวียดนามใต้และอีกครั้งในปีค.ศ.1968 ในชื่อ “กองพลเสือดำ” และอีกหนึ่งในวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารไทยในสงครามเวียดนามที่มีชื่อว่า “ขุนศึกแห่งซุยคา” ของพันโททวีปูรณโชติ

ซึ่งพันโททวีปูรณโชติได้เป็นอีก1ในนายทหารไทยที่เข้าร่วมสงครามเวียดนามเขามักลงพื้นที่ไปพร้อมกับลูกน้องของเขาเสมอไม่ว่าพื้นที่นั้นมันจะอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งผลงานของพันโททวีปูรณโชติคือการออกทำลายฐานที่มั่นของข้าศึกในเขตลุ่มน้ำซุยคามากกว่าครึ่งได้เป้นผบงานของพันโททวีปูรณโชติแทบทั้งสิ้นจนในกระทั่งนายพันโททวีปูรณโชติก็ได้นำลูกน้องเข้าตีบังเกอร์ข้าศึกเหมือนเช่นเคยแต่รอบนี้มันกลับไม่เหมือนเดิม

พันโททวีปูรณโชติได้ถูกยิงเสียชีวิตขณะนำการเข้าตีบังเกอร์ข้าศึกในวันที่31ตุลาคม ปี ค.ศ.1970 ในระหว่างนั้นก็ได้มีอีก1เหตุการณื ในช่วงปี ค.ศ.1953 ถึง1975 ที่เป็นสงครามลับของประเทศไทยมันมีชื่อว่า “สงครามลับในลาว”  เนื่อจากประเทศลาวในยุคสงครามเย็นก็ได้เซ็นสนธิสัญญาของฝรั่งเศสที่จะให้ประเทศลาวเป็นกลางไม่มีทหารต่างชาติเข้าไปในลาวได้แต่ในสงครามเวียดนาม

เวียดนามเหนือได้ใช้ประเทศลาวเดินทางผ่านเข้าไปตีเวียดนามใต้ตามเส้นทางที่มีชื่อว่า “เส้นทางโฮจิมินห์” และอาจจะมีการตัดผ่านเข้าสู่ประเทศไทยได้จึงทำให้ทางรัฐบาลไทยในยุคนั้นดำเนิดแผน “ยุทธศาสตร์การป้องกันในเขตหน้า”  โดยทางสหรัฐอเมริกาและไทยจะแอบส่งกำลังทหารเข้าไปต้านทานกองกำลังจากเวียดนามเหนือในประเทศลาวอีกที ภายใต้ชื่อว่า “หน่วยผสม33” หรือ “นักรบนิรนาม333” และยังได้มีกำลังพลในรูปแบบต่างๆมากมายที่ได้เข้ารวมสงครามลับในครั้งนี้อย่างเช่นตำรวจพลร่มที่ได้รับการฝึกจากซีไอเอให้โดนร่มเข้าไปในพื้นที่ข้าศึกและได้ฝึกสอนกำลังพลต่างๆให้ต้านทานจากกองกำลังเวียดนามเหนือ

และอีกหนึ่งกำลังหลักเลยก็คือผู้นำโจมตีทางอากาศหน้าหรือที่มีชื่อย่อว่าFAGsโดยจะคัดพลเรือนที่ได้เรียนจบปริญญาตรีและสามารถที่จะสื่อสารภาษาอังกษฤได้อย่างดีเข้ามารับหน้าที่นี้FAGsจะมีหน้าที่ที่จะวิทยุไปหากองกำลังสนับสนุนในรูปแบบต่างๆมาสนับสนุนแนวรบ

 

สนับสนุนโดย  entaplay link