คลังเก็บหมวดหมู่: ตำนาน

ตำนานหอ นช. มหาลัยเชียงใหม่

ตำนานหอ นช. มหาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่มีรุ่นพี่คนหนึ่งแอบรักกับรุ่นน้องปี1ที่เข้ามาใหม่

จากนั้นทั้งสองก็ได้รักกันมากขึ้นจึงทำให้เป็นที่น่าอิจฉาเหล่านักศึกษาหญิงในมหาลัยเชียงใหม่หลังจากนั้นน้องปี1ก็เริ่มรู้สึกรักมากขึ้นและทำให้รุ่นพี่เริ่มที่จะตีตัวออกห่าง

เพราะดูเหมือนกับว่าจะเต็มอิ่มไปกับความรักของขาแล้วจึงเริ่มที่จะตีตัวออกห่างตามประสาผู้ชายเจ้าชู้และวันนี้ก็ได้มาถึงเป็นวันที่สร้างตำนานมาจนถึงทุกวันนี้พอถึงเย็นวันศุกร์เป็นกิจวัตรประจำวันที่รุ่นพี่จะมารับรุ่นน้องอยู่เป็นประจำแต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้มาตามเวลาที่ได้นัดกัน

โดยรุ่นพี่มารับเธอในเวลาที่ค่อนข้างจะดึกมากแล้วนักศึกษาเธอเลยได้ถามว่าทำไมมาดึกรุ่นพี่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเบี้ยงไปเรื่อยไม่ตอบไม่ได้บอกเหตุผลจริงๆว่าทำไมถึงมาดึกซึ่งตัววของเธอก็เริ่มระแคะระคายมาอยู่บ้างแล้วเพราะเนื่องจากว่าพักหลังเธอได้มีคนมาบอกรุ่นพี่ที่เป็นแฟนเธอกำลังไปติดพันธุ์ผู้หญิงอื่น

นอกจากนี้ด้วยความที่ว่าเธอนั้นค่อนข้างที่จะรักรุ่นพี่คนนี้มากและไม่อยากที่จะเลิกลากับรุ่นพี่คนนี้ไปก็ได้แต่แอบเก็บเอาไว้ในใจอยู่ตลอดและไม่กล้าถามเพราะว่ากลัวที่จะเสียคนรักไปเธอได้บอกกับรุ่นพี่ไปว่ามีเรื่องที่จะพูดด้วยมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆด้วยรุ่นพี่ก็บอกว่าเดี๋ยวไปคุยกันที่หอดีกว่า

ในขณะที่ทั้งสองกำลังซ้อนรถไปที่หอเธอได้บอกกับรุ่นพี่ว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้3เดือนแล้วแต่เมื่อแฟนของเธอได้ยินถึงกับจอดรถทันทีแล้วก็ย้ำว่าเมื่อกี้พูดว่าอะไรเธอกย้ำไปอีกว่าเธอได้ตั้งครรภ์มา3เดือนแล้วพอรุ่นพี่ที่ได้ยินที่เธอบอกว่าเธอกำลังตั้งท้องได้3เดือนถึงกับเริ่มโมโหแสดงความโกรธและจะไม่รับผิดชอบกับกล่าวหาเธอว่านอกใจไปครบกับผู้ชายคนอื่น

เมื่อท้องแล้วก็มาพูดว่ารุ่นพี่นั้นเป็นคนทำในคืนนั้นรุ่นพี่ได้บอกเลิกกับเธอทันทีและปล่อยให้เธอเดินจากจุดนั้นกลับไปที่หอเพียงลำพังและในระหว่างทางที่เธอกำลังเดินกลับไปที่หอเธอก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นความเสียใจรวมกับความโกรธแค้นที่รุ่นพี่ทิ้งเธอไปบวกกับว่าทางบ้านจะรู้ความจริงและทำให้พ่อแม่ผิดหวังเพราะเธอท้องในวัยเรียน

ซึ่งเธอได้ตัดสินใจที่จะเอาเด็กออกแต่เธอไม่กล้าไปทำและไม่กล้าบอกให้ใครได้รับรู้ด้วยเมื่อเธอกลับมาถึงห้องเธอจึงตัดสินใจทำแท้งด้วยตัวเองเอาไม้บรรทัดเหล็กกระทุ้งข้าไปในมดลูกอย่างแรงทำโดนที่ไม่รู้จึงทำให้ตกเลือดอย่างรุนรงทำให้เธอได้เสียชีวิตในที่สุด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  aesexy

เทพเจ้าของญี่ปุ่น และตำนานความเชื่อ

    เทพเจ้าของญี่ปุ่น  เทพเจ้า ไดโคคุ  มีรูปลักษณ์เป็นชายอ้วนลงพุงใบหน้ายิ้มแย้มยืนอยู่บนถุงข้าวห่อใหญ่บางครั้งจะพบหนูตัวเล็กๆอยู่ข้างท่านด้วยมือถือตะลุมพุกเมื่อท่านสั่งตะลุมพุกในมือเงินทองจะไหลมาเทมาเป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยมั่งคั่งและการเพาะปลูก 

        เทพเจ้าเบนไซเท็น   หรือ เบ็นเท็นเป็นพระแม่สรัสวดีของฮินดูได้เข้าถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นทางศาสนาพุทธนิกายมหายานคนญี่ปุ่นนับถือในฐานะของเทพแห่งปัญญา กวี อักษรศาสตร์  ศิลปะ  นาฏยกรรมเป็นเทพีเพียงองค์เดียวในเทพแห่งโชคลาภทั้ง 7 ของญี่ปุ่นมักจะถือบีวะ

หรือพินญี่ปุ่นเอาไว้เสมอบางครั้งก็มีรูปงูปรากฏอยู่ด้วย เพราะเชื่อกันว่าท่านสามารถควบคุมอสรพิษและมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์   สมัยก่อนเกอิชาจะนับถือเทพองค์นี้มากเพราะเชื่อกันว่าทำให้สามารถรำฟ้อนได้อย่างสวยงามและหัวขโมยก็นับถือเช่นกันเพราะเชื่อว่าจะทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ดี 

    เทพเจ้าจูโรจินเป็นชายร่างเตี้ยศรีษะใหญ่ถือไม้เท้ายาวที่มีสมุดเล่มเล็กห้อยไว้เราไว้จดอายุขัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกเป็นที่เคารพของคนที่ทำงานเกี่ยวกับสุราประธานเป็นคนที่ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเมาและมักจะมีกวางดำคู่กายอยู่ด้วยโดยกวางตัวนี้จะมีสีเปลี่ยนไปตามอายุของมัน 

       เทพเจ้าฟุคุโรคุจู   เป็นเทพแห่งความสุข   ความโชคดีร่ำรวยและอายุขัยยืนยาว  เป็นผู้ประทานพรให้ผู้คนหายป่วยไข้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองข้าวปลาอาหารสมบูรณ์   มีพระเศียรเรียวยาว  เคร่งขรึม สำรวมถือไม้เท้าคล้ายคนชรามีปัญญาหลักแหลมมีสัตว์อายุยืนอยู่รอบตัวเช่นนกกระเรียน  เต่า  กวางดำ  เป็นที่นับถือของนักหมากรุก คนทำสวน  พ่อค้าอัญมณี  

        เทพเจ้าซูซาโนะโอ  เป็นเทพแห่งลมทะเลพายุและงูเป็นน้องชายของเทพแห่งดวงอาทิตย์  อามะเทราสึและเทพสึคิโยมิเทพแห่งดวงจันทร์เป็นเทพที่หัวแข็งใจร้อน ส่งพายุไปทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดินและทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้ถูกส่งตัวไปอยู่ในโลกมนุษย์และกลับตัวได้จึงใช้พลังที่มีเพื่อผจญภัยไปทั่ว 

       เอ็นมะ  ว่ากันว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่ตายบนโลกใบนี้เขาเป็นผู้ที่คอยตัดสินความคิดของมนุษย์ว่าจะให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกตามพฤติกรรมในอดีตที่เคยทำไว้และมอบบทลงโทษให้กับผู้ที่กระทำความผิด โดยเขามักจะแต่งกายสีแดงรวมถึงใบหน้าสวมมงกุฎและตาเฉียงขึ้นเล็กน้อยดูน่ากลัวเมื่อก่อนเอ็นมะนั้นเคยอาศัยอยู่ในสวรรค์ที่เรียกว่าโกคุราคุโจโดแต่เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์เริ่มเกรงกลัวเขามากขึ้นจนนับถือในฐานะของผู้ตัดสินความตาย  

 

สนับสนุนโดย.  สูตรหวยยี่กี หวยดี

ตำนานผีนางตะเคียน

บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือได้มีบ้านสวนที่ได้ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีชาวบ้านได้เล่าลือกันว่าได้มีครอบครัวนี้นั้นได้เลี้ยงผี ตำนานผีนางตะเคียน

โดยบ้านสวนหลังนี้ได้อยู่อาศัยด้วยกันทั้งหมดสามคนมี นายนพ ตาชม และยายจันทร์ดี สามพ่อแม่ลูกโยครอบครัวนี้ได้ทำฟาร์มเลี้ยงวัวและเขียงขายเนื้ออยู่ท้ายหมู่บ้านตาชอบแก่ได้สร้างบ้านไม้หลังใหม่แทนที่หลังเดิมได้เกือบปีแล้วด้วยความขี้งกของแก่นั้นแก่กับลูกชายจึงได้ลักรอบเข้าไปตัดไม้ในป่าใหญ่มาทำบ้าน

นอกจากนี้ยังได้นำเอาเสาไม้ตะเคียนมาทำเสาไม้กลางบ้านพอบ้านได้สร้างเสร็จไม่นานเสาตะเคียนใหญ่ที่อยู่กลางบ้านก็เกิดปรากฏการตกน้ำมันมันเงาไปทั้งต้นตามความเชื่อแล้วเสาตะเคียนต้นไหนที่ตกน้ำมันย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ตาชมแก่ได้เห็นดังนั้นก็ได้นำเอาธูปเทียมมาไหว้ขอพรไม่ว่าตาชมจะขอพรอะไรก็สมดั่งใจหมายไม่เว้นแต่เป็นการขอที่เบียดเบียนผู้อื่น

ซึ่งบางทีก็ขอให้เขียงเนื้อของคู่แข่งนั้นเจ็งและก็เจ็งไปตามๆกันทันตาเห็นแต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเป็นเขียงเนื้อของตาชมเองที่ขายเนื้อวัวไม่ค่อยได้ผ่านมาราวหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เนื้อวัวของตาชมแทบจะขายไม่ได้เลยต้องขายในราคาที่ขาดทุนเพื่อให้ได้เงินมาหมุนเวียนใช้และในคืนนี้ก็เช่นกันและจากที่นพได้ล้มวัวและได้แบ่งขายตาชมก็ได้นำเอาเนื้อมาแขวนไว้ที่เพลิงน่าบ้านเล็กๆของแก่

โดยได้นั่งเฝ้าร้านอยู่นานก็ขายไม่ได้สักทีจนสุดท้ายก็มีลูกค้าประจำที่จะมารับซื้อเนื้อของแก่ไปขายต่อที่ตลาดสดลูกค้าประจำได้บอกว่าลุงชมไม่รู้จริงๆหรือชาวบ้านเขาเล่าลือกันไปทั่วว่าเห็นสาวผมยาวนุ่งชุดแดงมายืนน่าบ้านลุงคนในตลาดเขายังลือกันอีกว่าลุงชมนั้นเลี้ยงผีและใครจะกล้ามาซื้อ

เมื่อตาชมได้ยินแบบนั้นก็มีสีน่าตกใจเพราะลักษณะของผีสาวผมยาวนั้นมันไปตรงกับความฝันเหลือเกินพอลูกค้าประจำขึ้นรถถเสร็จเรียบร้อยก็รีบขับรถออกไปด้วยท่าทีดูรีบร้อนเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่างตาชมได้รับรู้ถึงสาเหตุที่ร้านเนื้อวัวของแก่ว่าทำไมถึงขายไม่ได้

นอกจากนี้แก่ได้เก็บข้าวของรีบเดินกลับเข้ามาที่บ้านด้วยความโมโหปากก็บ่อสาปแช่งผีตนนั้นในระหว่างที่แก่กำลังเปิดประตูเข้าไปในบ้านนั้นก็พบเจอสาวชุดแดงและบอกว่ากูจะทำให้ชีวิตพวกมึงชิบหายตาชมได้ยินแบบนั้นก็ล้มและหมดสติไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    wm gaming

ตำนานผีเฮี้ยนที่เกาะน้อย

ตำนานผีเฮี้ยนที่เกาะน้อย ซึ่งได้มีเรื่องราวของชาวบ้านที่ได้ถูกนักท่องเที่ยวฝรั่งแต่งตัวดีๆหน่อยได้จ้างให้ไปส่งที่เกาะแห่งนี้นั่นก็คือเกาะขามน้อยแต่เหมือเขาได้ขับเรือมาถึงก็พบว่าคนที่จ้างให้มาส่งที่เกาะนั้นเขาได้หายไปจากเรือแล้ว

หรือว่าบางทีหากมีเรือลำไหนแล่นผ่านเกาะแห่งนี้ไปในยามวิกาลเขาก็มักจะเห็นผู้คนต่างๆได้ยืนโบกมืออยู่บนเกาะแห่งนี้หรือบางทีก็จะพบเห็นคนมาเล่นน้ำอยู่บนชายหาดแต่ที่สำคัญไม่ได้เล่นน้ำแบแก้ผ้า

โดยคนที่ปรากฏให้เห็นว่าเล่นน้ำอยู่นั้นเธอได้ใส่ชุดผ้าคุมแบบมุสลิมคนที่แล่นเรือผ่านไปยังสถานที่บริเวณนั้นก็ขนลุกหรือว่ามันจะเป็นเรื่องราวสยองของชาวประมงที่ได้ไปหาปลาในบริเวณนั้นในตอนเช้าตู่เรื่องมันก็ได้มีอยู่ว่าพอเขาลากแหงขึ้นมาตอนแรกคิดว่าได้ปลาตัวใหญ่ขึ้นมาเพราะมีน้ำหนักเยอะมาก

เมื่อลากเอาขึ้นมาที่ไหนได้พบเป็นโลงศพทั้งใบเลยต่างก็พากันสยองไหมดแต่ทว่าเรื่องราวสยองเหล่านี้มันก็ไม่รู้ว่าจะมีที่มากที่ไปจริงหรือไม่จริงยังไงก็ตามมันก็ได้ส่งผู้คนขยาดกับเกาะแห่งนี้ไปเรียบร้อยแล้วนอกจากว่าพวกนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปลองของหรือว่าพวกนักตกปลาที่จะหาที่สงบๆเพื่อตกปลาเท่านั้นที่จะแวะมาที่เกาะแห่งนี้บ้าง

นอกจากนี้ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะพยายามที่จะออกมาจากที่เกาะแห่งนี้ก่อนที่พระอาทิตย์นั้นจะตกดินทำให้หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วที่เกาะแห่งนี้มันก็จะเงียบมากดังนั้นมันก็จะมีอีกพวกหนึ่งที่ได้ใช้สถานที่แห่งนี้ไปทำเรื่องที่ไม่กลัวฟ้าดิน

ส่วนเรื่องราวที่ทำให้เกาะแห่งนี้ได้เป็นที่โด่งดังแล้วก็รู้จักกันมาที่สุดในด้านของความหลอนก็คงจะหนีไม่พ้นการเจอดีของอดีตนักร้องหนุ่มผู้หนึ่งที่เขาได้ไปถ่ายภาพสุดหวิดว่ากันว่าในวันนั้นที่นายแบบคนนี้เขาต้องการที่จะหาสถานที่ดีๆมีวิวสวยๆที่จะได้ภาพที่สวยงาม

ดังนั้นภาพงามๆของการถ่ายแบบแนวนี้มันไม่ค่อยจะเหมาะสำหรับเด็กและคนรอบข้างเท่าไรพี่เขาเลยได้เลือกเอาที่เกาะขามน้อยเป็นเกาะเล็กๆแต่มีสภาพที่สมบูรณ์และที่สสำคัญมันไม่มีคนอีกด้วยจากนั้นได้จ้างชาวบ้านขับเรือบริเวณนั้นได้พาพี่เขาไปส่งที่เกาะแห่งนี้

เนื่องจากนี้คนขับเรือได้ยินแบบนั้นก็มีท่าทีแปลกๆไม่อยากจะมาส่งพอมาถึงเกาะเขาก็ลงถ่ายนายแบบก็อยากได้อะไรที่ทำให้รู้ว่ามาที่เกาะแห่งนี้เขาก็เลยเอาของที่เกาะแห่งนี้รวมอยู่ในรูปถ่ายแบบด้วยจากนั้นเอากลับมาด้วยจากนั้นมาก็ทำให้นายแบบคนนี้เจอดีเอาให้ในที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  aesexy

ประวัติเทศกาลเบียร์ Oktoberfest ประเทศเยอรมัน

            หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเยอรมันจะเห็นว่าประเทศเยอรมันนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของเบียร์ที่มีรสชาติอร่อยและมีเบียร์หลายยี่ห้อ  เทศกาลเบียร์ Oktoberfest ซึ่งเป็นยี่ห้อดังระดับโลกอยู่ในตอนนี้ดังนั้นในทุกๆปีที่ประเทศเยอรมันจะมีเทศกาลหนึ่งที่มีชื่อว่าเทศกาลเบียร์   Oktoberfest

ซึ่งเทศกาลนี้ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมากเนื่องจากว่านอกจากเราจะได้มีการละเล่นแล้วยังได้มีการกินเบียร์แบบไม่อั้นซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติเป็นอย่างมากนั่นเอง

      อย่างไรก็ตาม เทศกาลเบียร์ Oktoberfest นั้นก็มีประวัติความเป็นมาเช่นเดียวกันโดยก่อนที่จะมีการเริ่มเทศกาลเบียร์ Oktoberfest นั้น ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของเทศกาลนี้เกิดขึ้นในช่วงประมาณปีค.ศ 1810 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 เดือนตุลาคม   โดยในวันดังกล่าวนั้นเป็นวันที่เจ้าชายลุกวิกที่ 1 ได้มีการจัดงานอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเทเรซ่า   ซึ่งพระองค์นั้นเป็นเจ้าหญิงแห่งแซกโซนี  ฮิวด์บวร์กเฮาเซน  

        เจ้าชายลุกวิกที่ 1 เห็นว่าเป็นงานจัดงานอภิเษกสมรสของพระองค์จึงอยากให้ประชาชนชาวเมืองมิวนิคได้มาร่วมงานสำคัญของพระองค์ในครั้งนี้ด้วยดังนั้นพระองค์จึงได้มีการประกาศเชิญชวนให้กับประชาชนทุกคนในเมืองมาเฉลิมฉลองในวันแต่งงานของพระองค์การโดยพระองค์ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ตรงบริเวณด้านหน้าประตูเมืองเอาไว้ซึ่งนอกจากจะมีการเลี้ยงอาหารและเลี้ยงเบียร์แล้วพระองค์ยังได้มีการจัดการแข่งขันการแข่งม้าของเชื้อพระวงศ์บาวาเรียให้ประชาชนได้ชมกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกเรียกว่า  Theresienwiese ซึ่งเป็นที่ถูกใจประชาชนชาวเมืองมีเป็นอย่างมาก

            ดังนั้นในปีต่อมาการแข่งขันม้าสำหรับเชื้อพระวงศ์ จึงมีการจัดขึ้นซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ถือได้ว่าเป็นการจัดประเพณี   Oktoberfestนั่นเอง  ดังนั้นเมื่อมีการแข่งม้าแล้วก็ต้องมีอาหารการกินมาเลี้ยงฉลองกันจึงมีการนำเบียร์มาเฉลิมฉลองด้วยซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของประเพณีเทศกาลกินเบียร์ Oktoberfest นั้นเอง  

          อย่างไรก็ตามประเพณีนี้ได้มีการหยุดไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเพราะผู้คนเริ่มเบื่อการแข่งขันการขี่ม้าแล้วแต่อย่างไรก็ตามเทศกาลนี้ก็ยังคงจัดขึ้นเพียงแต่ว่าเปลี่ยนแนวทางจากการแข่งขันการขี่ม้ามาเป็นการนำพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านมาวางขายแทนและยังมีการนำเครื่องเล่นมาแสดงในงานเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นเพื่อให้งานไม่เกิดความน่าเบื่อเช่นมีการเอามาหมุนมาเอาชิงช้าสวรรค์มา

       นอกจากนี้คนที่มาร่วมงานก็ยังคงได้รับประทานเบียร์ทำให้ท้ายที่สุดแล้วประเพณีนี้ก็มีการสืบสานกันต่อเรื่อยมาโดยยึดการนำของมาขายและการจัดตั้งซุ้มเบียร์เนื่องจากบริษัทเบียร์เห็นว่าเมื่อมีงานนี้เกิดขึ้นเบียร์สามารถขายได้เพราะคนเริ่มกินเบียร์มากขึ้นดังนั้นบริษัทเบียร์จึงให้การสนับสนุนเทศกาลนี้มากมีการเอาเต็นท์ขนาดใหญ่มากลางและตั้งโต๊ะและเก้าอี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปีจนท้ายที่สุดแล้วผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็รู้จักเทศกาลนี้และเมื่อถึงประมาณเดือนตุลาคมผู้คนก็จะเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศเยอรมันเพื่อร่วมเทศกาลเบียร์ Oktoberfestนั่นเองนั่น        

 

สนับสนุนโดย.  สูตรหวยยี่กี 2ตัวล่าง lottovip

ตำนานสะพาน ยางิยาม่า  

          ที่จังหวัด มิยากิ  ที่เมืองเซนได จะมีน้ำแม่สายหนึ่งซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักและมีความกว้างมาก เป็นแม่น้ำที่ตัดเขตระหว่างเขตไทฮาคุ กับเขต อาโอะ ตำนานสะพาน ยางิยาม่า    ดังนั้นตรงนี้จึงมีสะพานที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองเขตเข้าด้วยกันเพื่อที่จะสามารถเดินทางไปมาหากันได้ความสะดวกนั่นเอง

        โดยสะพานแห่งนี้นั้นเป็นสะพานที่มีความกว้างรถสามารถวิ่งได้ถึง 2 เลนด้วยกันและที่สำคัญสะพานแห่งนี้นั้นมีการสร้างกำแพงกั้นเอาไว้สูงถึง 2 เมตรเลยทีเดียวและกำแพงที่สูงถึง 2 เมตรนั้นก็มีสร้างเอาไว้ถึง 2 ชั้นด้วยกัน

ถ้าหากใครเคยเดินทางมาที่จังหวัด มิยากิแห่งนี้แล้ว

เราก็ย่อมเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับสะพาน ยางิยาม่า  แห่งนี้กันอย่างแน่นอน เพราะสะพานนี้มีตำนานที่น่ากลัวมากโดยสะพานแห่งนี้นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานที่มีคนมาฆ่าตัวตายกันเป็นจำนวนมากเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ค่าตัวตายอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

สำหรับสถานที่แห่งนี้นั้นหากใครมาใช้บริการในช่วงเวลากลางวันแล้ว

ก็เพิ่งจะเห็นว่าสะพานแห่งนี้ไม่ได้มีความน่ากลัวแต่อย่างใดรถยังคงวิ่งให้บริการบนถนนอย่างนั้นนั่นตลอดเวลาและยังคงมีคนที่ใช้บริการสัญจรผ่านไปมารวมถึงมีชาวบ้านมาวิ่งออกกำลังกายบนสะพานแห่งนี้

        แต่ในทางกลับกันถ้าหากคุณไม่มีโอกาสแวะมาที่สะพานแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนแล้วแล้วก็ ที่นี่จะเงียบเหงาเป็นอย่างมาก แทบจะไม่มีรถวิ่งในช่วงเวลากลางคืนเลยก็ว่าได้ ก็เพราะว่ามีเรื่องเล่าที่น่ากลัวเราถึงสะพานยางิยาม่าแห่งนี้อยู่บ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของความน่ากลัวของวิญญาณของเหล่าคนที่มากระโดดสะพานฆ่าตัวตายที่แห่งนี้นั่นเอง 

      ตำนานสะพาน ยางิยาม่า   แห่งนี้นั้นมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่เคยมาใช้บริการยามค่ำคืนและมักจะเห็นวิญญาณของคนตายบ้างก็จะเห็นว่ามีวิญญาณของคนตายมานั่งรออยู่ตรงป้ายรถเมล์ซึ่งคนที่มานั่งรอนั้นจะมีเพียงแค่ครึ่งท่อนเพียงเท่านั้นหรือบางคนก็เห็นเป็นรูปร่างเหมือนคนแต่ไม่มีศีรษะนั้นเอง

           อย่างไรก็ตามว่ากันว่าได้มีแก๊งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมีด้วยกัน 5 คนต้องการหาข้อพิสูจน์ว่าสะพานแห่งนี้มีผีจริงหรือไม่พวกเขาจึงได้พากันขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่สะพานแห่งนี้เพื่อมาดูวิญญาณแต่ไม่ว่าจะขับรถวนไปกี่ครั้งก็ไม่เห็นวิญญาณหลังจากนั้นพวกเขาจึงกลับไปแต่พอวันรุ่งขึ้นปรากฏว่าเพื่อนในกลุ่มของเขาหายไปคนนึงและไม่สามารถติดต่อได้

              พวกเขาจึงพากันมาพิสูจน์เรื่องราวนี่อีกครั้งหนึ่งโดยในครั้งนี้พวกเขาได้นำกล้องมาถ่ายระหว่างที่มีการขับรถบนสะพานหลังจากนั้นก็พากันกลับบ้านแล้วไปเปิดดูกล้องปรากฏว่าพวกเขาเห็นหน่อวิญญาณมากมายพากันยืนอยู่ตรงบริเวณสะพานยางิยาม่า เต็มไปหมดและหนึ่งในวิญญาณเหล่านั้นก็มีเพื่อนของเขาที่หายไปปะปนอยู่ในนั้นด้วย 

 

สนับสนุนโดย.  ae บาคาร่า

ตำนานเขาคิชกุฎ

การพบเปรตทุกชนิดโดยบังเอิญของพระโมคคัลลานะและพระพุทธเจ้า

โดยข้อมูลตรงนี้ที่เราไปหามาได้เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า ณ เวลานั้นพระพุทธเจ้าและพระโมคคัลลานะได้มาเผยแผ่ศาสนาในบริเวณพื้นที่เขาคิชกุฎตรงนี้ในระหว่างทางที่พวกเดินอยู่นั้นปรากฏว่าพระโมคคัลลานะเขาได้เห็นเปรตทุกรูปแบบอยู่บริเวณป่ารอบๆที่เขาเดินผ่านอยู่ตลอดเวลาเลย

ซึ่งตอนนั้นพระโมคคัลลานะเขาก็ได้นำพาพระภิกษุสงฆ์ต่างๆมาด้วยหลายองค์และเขาก็ได้ยิ้มออกมาและพร้อมพูดกับพระภิกษุสงฆ์ว่าเขานั้นได้พบเจอเปรตทุกอย่างทุกชนิดที่เขาได้เจออยู่รอบๆตัวเลย โยพระภิกษุสงฆ์ที่ได้ตามมานั้นเขาก็ได้มองไปรอบๆมองไปมองมากับไม่พบเปรตไม่พบอะไรเลย

เพราะฉะนั้นแล้วในตอนนั้นพระภิกษุสงฆ์คิดว่าพระโมคคัลลานะเขาโกหกพระโมคคัลลานะก็เลยได้สวดพระภิกษุสงฆ์ที่ตามมาว่างั้นก็รองไปทรงถามพระพุทธเจ้าดู ปรากฏว่าพระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นก็ได้ไปถามพระพุทธเจ้ามาท่านก็ได้ตอบกลับมาว่าท่านก็พบเจอเปรตเหมือนพระพระโมคคัลลานะเลย

นอกจากนี้ตามข้อมูลที่เราไปได้เพิ่มเติมมาเล็กน้อยก็ได้มีบางข้อมูลที่คนในพื้นที่เขาได้อ้างว่าขาได้พบเจอกับเปรตตัวสูงใหญ่อยู่ในบริเวณเขาคิชกุฎอยู่บ่อยมากและได้มีคนหลายๆคนเจอเหตุการณ์นี้อยู่หลายครั้งอยู่พอสมควรเลย

ส่วนข้อมูลต่อมานี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัวมากเพราะเป็นข้อมูลที่พึ่งจะเกิดขึ้นมาไม่นานนี้เองโดยข้อมูลนี้นั่นก็คือ การเจอวิญญาณร้ายต้องการตัวตายตัวแทนโผล่ออกมาให้เห็น โดยข้อมูลตรงนี้เป็นข้อมูลการบอกเล่าของผู้ที่ได้ไปท่องเที่ยวที่เคยไปกราบไหว้สิงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาคิชกุฎแห่งนี้อยู่

สิ่งตามข้อมูลได้มีหนึ่งคนในนั้นเป็นคนที่มีสัมผัสที่แรงมากว่ากันว่าบุคคลนี้เห็นผีเห็นวิญญาณเห็นอยู่บ่อยครั้งมากเลยและบุคคลนี้เขาก็ได้ไปที่เขาคิชกุฏกับกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ด้วยและวันที่เขาไปกันนั้นได้ขึ้นเขาตอนกลางคืนในเวลาตอนกลางคืนเราต้องบอกเลยว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างน่ากลัวมากๆ

ซึ่งในเวลานั้นทั้งความเงียบทั้งลมทั้งสิ่งที่เราจะจิตนาการไปต่างๆนานามันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเพราะว่าพวกเขาไม่กลัวและไม่เชื่อเขาต้องการเพียงแค่ว่าจะสักการะและมาเที่ยวเพียงเท่านั้นปรากฏว่าเขขาก็ได้เริ่มเดินจากบันไดชั้นล่างสุดขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงระดับหนึ่งที่พวกเขาพักอยู่ๆได้มีเพื่อนคนหนึ่งที่บอกไปว่ามสัมผัสแรงเขาเหมือนจะเห็นว่ามีคนอยู่ชั้นล่างปรากฏว่าเจอชายใส่ชุดสีเทากำลังยนอยู่ตีนบันไดแล้วค่อนๆเดินขึ้นมาอย่างช้าๆนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    สล็อตjoker โอน ผ่าน วอ เลท ไม่มีขั้นต่ำ

คริสต์มาส มีจุดเริ่มมาได้อย่างไร

สำหรับทุกคนทั่วไปนั้นจะมีความเชื่อว่าในวันที่ 25 ของเดือนธันวาคมนั้นจะเป็นวันเกิดของพระเยซูแห่งนาซาเลสใช่มั้ย แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้านับจริงๆจะเห้นได้ว่าคริสต์มาสเนี่ยจะพึ่งมาเป็นเทศกาลที่นิยมกันได้ไม่นานมานี่เอง อย่างเช่นในประเทศของสหรัฐอเมริกา คือสำหรับประเทศของสหรัฐอเมริกานั้นได้ตั้งประกาศเป็นเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1777

แต่ว่าได้ตั้งคริสต์มาสเป็นวันหยุดของประจำชาติเนี่ยพึ่งตั้งเมื่อปี 1870 เอง นั่นก็คือเกือบร้อยปีจากการตั้งประเทศ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าคริสต์มาสเนี่ยมีความสำคัญจริงๆก็ต่อเมื่อเริ่มเข้ามาในยุคหลังๆเนี่ยแล้ว ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีวันคริสต์มาส วันนี้คือวันอะไร ดังนั้นเราตั้งนับย้อนกลับไปลึกๆ โดยทำการย้อนกลับไปหลายศตวรรษก่อน ที่ก่อนพระเยซูจะเกิด

ซึ่งช่วงนั้นไม่ได้เป็นวันคริสต์มาส ช่วงนั้นเป็นช่วงกลางเดือนของเดือนธันวาคมจะเป้นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองอยู่แล้ว ถามว่าสมัยนั้นเขาเฉลิมฉลองอะไรซึ่งคนสมัยก่อนทุกสิ่งทุกอย่างนั้นย่อมบูชาหรือนับถือเกี่ยวกับแสง ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนสมัยก่อนบูชาพระอาทิตย์ บูชาความมืดโน่นนี่นั่น ซึ่งก็อาจจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์หรือตามตำราทั้งหลาย

ซึ่งไม่ใช่เพื่อในประเทศจีนที่เราจะเจอ แทบทางยุโรปก็เช่นกันที่มีการบูชาสิ่งเหล่านี้ โดยทางยุโรปนั้นพวกเขาจะนับถือทางท้องฟ้า โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ที่จะมีความสำคัญเป้นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศทางเหนือที่จะมีอุณหภูมิหนาวๆ ยกตัวอย่างเช่น นอส หรือประเทศเยอรมัน เป็นต้น 

ประเทศเหล่านี้จะมีหิมะตกค่อนข้างเยอะ จึงทำให้แสงสว่างจากพระอาทิตย์จะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ ซึ่งพวกเขามองว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งในช่วงกลางเดือนธันวาจะเป้นช่วงกึ่งกลางของฟดูหนาว นั่นก็คือช่วงที่พระอาทิตย์ให้แสงสว่างน้อยทีสุด

ซึ่งหากเลยช่วงนี้ไปพระอาทิตย์ก็จะเริ่มกลับมาให้แสงสว่างยาวนานขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้พวกเขาได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้นนั่นเอง ซึ่งคนสมัยก่อนก็จะมองว่าเกิดเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ นี่จึงเป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนหันมาเฉลิมฉลองในเดือนธันวาคมกัน 

จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของโรมัน โดยทางโรมันนั้นจะมีความแตกต่างจากทางเหนือ โดยทางฝั่งโรมนั้นอยู่ทางตอนใต้ซึ่งมันก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้น จึงได้มีการคิดที่จะฉลองเทพขึ้นมาซึ่งเรื่องเหล่านี้เริ่มก่อนศาสนาคริตส์ ซึ่งมันก็ตรงกับสมัยโบราณที่ชาวคริตส์นิยมเฉลิมฉลองมันตรงกับวันอีสเตอร์นั่นเอง

ซึ่งก็มีเรื่องเล่าจากหลายๆที่นั่นนี่มาจนสรุปได้ว่าวันที่ 25 ธันวานั้นได้เป็นวันเกิดของพระเยซูทีนี้หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้ใช้วันนี้กันมาเรื่อยๆจนมาถึงปัจจุบันนี้ 

 

สนับสนุนโดย.  u12

ตํานานผานางร้องไห้ที่เกาะสีชังจังหวัดชลบุรี 

         ตรงบริเวณทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสีชังนั้นจะมีช่องเขาแห่งหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียกช่องเขาตรงนั้นว่าช่องเขาขาดโดยช่องเขาแห่งนี้จะอยู่ตรงบริเวณด้านหลังของเกาะสีชังลักษณะของช่องเขาขาดแห่งนี้จะเป็นหน้าผาที่มีความสูงชันเป็นอย่างมาก

ซึ่งหน้าผาดังกล่าวนั้นชาวบ้านต่างก็มีการเรียกขานว่าเป็นผานางร้องไห้โดยมีตำนานที่เล่าถึงผานางร้องไห้ว่าในสมัยก่อนนั้นได้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งรักกันอย่างมากและมักจะนัดกันมานั่งชมพระจันทร์ ในยามค่ำคืนตรงบริเวณริมชายหาดแห่งนี้อยู่เป็นประจำซึ่งต่อมาไม่นานฝ่ายชายนั้น

ได้ถูกให้ไปรับใช้ราชการด้วยการไปเป็นทหารทั้งคู่จึงให้คำมั่นสัญญากันว่าเมื่อเป็นทหารเสร็จแล้วจะกลับมาแต่งงานกันโดยฝ่ายชายนั้นบอกให้ฝ่ายหญิงรอและหากคิดถึงฝ่ายชายมากๆก็ให้ฝ่ายหญิงมานั่งชมพระจันทร์รอฝ่ายชายกลับมาเพื่อที่จะได้แต่งงานกันเมื่อฝ่ายชายจากไปแล้ว

ใจเย็นก็ยังคงคิดถึงฝ่ายชายจึงมักจะมานั่งชมพระจันทร์คนเดียวริมชายหาดนี้อยู่เป็นประจำแต่เมื่อผ่านไปหลายปีก็ยังไม่เห็นฝ่ายชายกลับมาจนเพื่อนฝูงที่ไปเป็นทหารพร้อมกับฝ่ายชายต่างพากันเดินทางกลับมาหมดแล้วเธอจึงได้สอบถามกับเพื่อนๆของฝ่ายชายจึงได้ความว่าฝ่ายชายนั้น

ปลดประจำการจากการเป็นทหารแล้วแต่เนื่องจากที่ไม่เดินทางกลับมายังหมู่บ้านนี้เพราะว่าฝ่ายชายเกิดไปเจอกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่หมู่บ้านศรีราชาแล้วเกิดหลงรักหญิงสาวคนดังกล่าวในที่สุดฝ่ายชายก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับหญิงสาวที่บ้านศรีราชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นั่นเมื่อฝ่ายหญิงนั้นรู้เรื่องเข้าก็เกิดความรู้สึกเสียใจในที่สุดเธอจึงได้ตัดสินใจปีนขึ้นไปบนหน้าผาตรงบริเวณที่เธอเคยมานั่งชมพระจันทร์อยู่เป็นประจำหลังจากนั้นก็กระโดดหน้าผาลงมาเสียชีวิตและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหากคืนไหนเป็นคืนเดือนหงายชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาตรงบริเวณ

ดังกล่าวมักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้หญิงคนหนึ่งที่มักจะร้องเป็นประจำทุกค่ำคืนยามคืนเดือนหงายทำให้ชาวบ้านต่างก็เชื่อกันว่าวิญญาณของหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นออกมาร้องไห้คร่ำครวญเสียใจถึงชายคนรักและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครเคยผ่านไปบริเวณหน้าผาดังกล่าวในช่วงตอนกลางคืนอีกเลยอีกทั้งยังมีการเรียกขานหน้าผากตรงดังกล่าวว่าผานางร้องไห้ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีการเรียกขานชื่อนี้กันอยู่นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    สูตรหวยยี่กี

ตำนาน จ้าววังโนราห์ จระเข้ยักษ์กินคน แห่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี 

       เกี่ยวกับตำนานของจระเข้กินคนนั้นมีมากมายหลายตำนานด้วยกันและแต่ละตำนานนั้นก็อยู่กันคนละจังหวัดเช่นจังหวัดพิจิตรที่เป็นตำนานของจระเข้ยักษ์ชาละวัน  รวมถึงตํานานจระเข้ที่จังหวัดสมุทรสงคราม  และตำนานจระเข้ยักษ์กินคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี   ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงตำนานจระเข้กินคนของจังหวัดสุราษฎร์ธานีกัน 

          เรื่องราวของจระเข้กินคนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้เกิดขึ้นที่คลองอิปัน ซึ่งเป็นคลองที่แยกออกมาจากแม่น้ำตาปี  ดูลักษณะของคลองอีปันนี้จะเป็นลักษณะของคลองที่มีความคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก โดยในอดีตนั้นที่คลองแห่งนี้มีจระเข้มากมายหลายร้อยชีวิต เป็นแหล่งที่จระเข้ชุกชุมมากอันดับหนึ่งของภาคใต้เลยก็ว่าได้

ซึ่งที่คลองแห่งนี้มีการเรียกขานกันว่าเป็นวังโนรา ส่วนสาเหตุที่มีการเรียกร้องแห่งนี้ว่าวังโนรานั่นก็เพราะว่าในสมัยก่อนนั้นมีเรือสำเภาบรรทุกคณะมโนราห์แล่นผ่านมาที่คลองอิปัน ในขณะที่เรือสำเภากำลังแล่นไปในคลองอยู่นั้นจู่ๆก็มีจระเข้ตัวใหญ่มหึมาจู่โจมเรือสำเภาจนทำให้เรือสำเภาที่นั่นมานั้นเกิดร่วมลงผู้คนที่เป็นนักแสดงโนราต่างตกลงไปในแม่น้ำ

              และเป็นสาเหตุให้จระเข้ที่อยู่ในคลองดังกล่าวนั้นต่างพากันรุมกัดกินเนื้อของคนที่อยู่ในแม่น้ำจนหมดสิ้น  โดยชาวบ้านเล่าลือกันว่าตอนที่จระเข้กินคนที่ตกลงไปในคลองนั้นแม่น้ำทั้งสายต่างเป็นสีแดงเหมือนแม่น้ำเลือดเลยทีเดียว และนับตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านจึงได้เรียกคลองแห่งนี้ว่าวังโนราจระเข้ที่ได้มีการล่มเรือสำเภาจนสามารถกินคนบนเรือสำเภาได้ทั้งหมดนั้นชาวบ้านเรียกว่าจ้าววังโนราห์  

และนี่คือตำนานของจ้าววังโนราห์จระเข้กินคน สาเหตุที่ชาวบ้านต่างเรียกจระเข้ตัวนี้ว่าเป็นจระเข้ยักษ์นั่นก็เพราะว่าจระเข้ตัวนี้สามารถล่มเรือสำเภาซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆได้ดังนั้นโดนจระเข้ก็ต้องมีความใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับเรือสำเภาเลยทีเดียวถึงสามารถที่จะทำให้เรือสำเภาคว่ำกลางแม่น้ำลำคลองได้นั่นเอง  หลังจากนั้นก็ยังคงมีเหตุการณ์ที่ชาวบ้าน ถูกจ้าววังโนราจะกินอยู่เป็นประจำ 

              สร้างควาหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก  ว่ากันว่าจ้าววังโนรา ติดใจในรสชาติของเนื้อมนุษย์จึงได้ออกอาละวาดจะกินเนื้อมนุษย์ที่สัญจรผ่านไปมาในคลองแห่งนี้อยู่เป็นประจำ ในที่สุดผู้ใหญ่บ้านก็ได้มีการประกาศสร้างคนมาปราบจระเข้ยักษ์กินคนอย่างไรก็ตามในที่สุดก็มีคนสามารถปราบจระเข้จ้าววังโนราห์นี้ได้โดยคนสักจระเข้นั้นชื่อว่าโอม  ชุมทอง  และหลังจากนั้นชื่อของ จ้าววังโนราก็กลายมาเป็นตำนานของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

สนับสนุนโดย  v9bet