ตำนานนรสิงห์ครึ่งสัตว์สังหารยักษ์

ซึ่งคำว่านรสิงห์มาจาก นร มนุษย์บวกกับคำว่าสิงห์เรื่องนี้ได้บันทึกอยู่ในคำภีร์ในหลายๆคำภีร์ในศาสนาฮินดูิงห์ได้เป็นภาคอวตารภาคหนึ่งของพระนารายณ์

สาเหตุที่พระนารายณ์ได้แบ่งตัวลงมาเป็นอสูรน่ากลัวแบบนี้ก็เพราะว่าพระนารายณ์ต้องการที่จะไปกำกัดยักษ์ตนหนึ่งเรื่องนี้ท่าจะให้เล่าก็ต้องท้าวความไปก่อหน้านี้

กล่าวคือแต่ก่อนนี้มันก็มียักษ์อยู่สองตนซึ่งมันก็มีอำนาจมากหิรัญกษัตริย์และหิรัญฮูทั้งสองตัวนี้มันเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเป็นพี่น้องที่มีความโหดร้ายมาก

เริ่มแรกเดิมที่เจ้ายักษ์ตัวพี่มันต้องการที่จะยึดครองโลกเสร็จแล้วมันก็ได้ใช่อำนาจของมันกร่างยึดครองโลกไปโดยวิธีไหนรู้หรือไม่มันม้วนแผ่นดินโลกแล้วก็หนีไป

เมื่อยักษ์ตนพี่ได้ม้วนโลกหนีไปก็เลยเดือดร้อนไปถึงเสาร์อาทิตย์พระนารายณ์ก็เลยอวตารร่างลงมาเป็นหมูป่าเพื่อที่จะมากำจัดเจ้ายักษ์ตัวนี้ด้วยความที่ว่าข้างใต้รักแร้ของเจ้ายักษ์ตัวนี้ข้างหนึ่งมันได้เหน็บแผ่นดินโลลกอยู่มันก็เลยต่อสู้ไม่ถนัดพระนารายณ์ที่อวตารร่างเป็นหมูป่าขาวขวิดจนยักษ์สิ้นตายพอตายแล้วแผ่นดินโลกมันก็ล่นลงมาพระนารายณ์ในขณะนั้นร่างเป็นหมูอยู่ก็ได้นำจมูกไถกลางแผ่นดินโลกออก

ซึ่งเมื่อยักษ์ตัวพี่ได้จากไปยักษ์ตัวน้องก็ขึ้นมากร่างแทนที่นี่เจ้ายักษ์หิรัญฮูยักษ์ตัวน้องเห็นว่าพี่ได้ตายลงไปแล้วและก็ได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระนารายณ์ว่าเก่งขนาดไหน

ดังนั้นก่อนที่ยักษ์ตัวน้องจะกร่างยักษ์ตัวน้องก็ไปเพิ่มพลังและก็ได้บําเพ็ญเพียรและก็ได้ทำให้เหล่าเทพนั้นสงสารและเจ้ายักษ์ตัวนี้ก็มองไปที่พระพรหมก็ไปบําเพ็ญเพียรกิริยาถาวายต่อพระพรหมในทุกท่าเลยและสุดท้ายก็ตามเรื่องอินเดียหลังจากที่เจ้ายักษ์ได้ไปบําเพ็ญเพียรตบะมานานในที่สุดพระพรหมก็เห็นใจพระพรหมก็เลยเสด็จลงมทาแล้วก็ถามว่าบําเพ็ญเพียรมาเยอะขนาดนี้แล้วเจ้าอยากได้อะไรข้าจะให้พรเจ้า

นอกจากนี้เมื่อพระพรหมได้เสด็จลงมายักษ์ตัวน้องก็เข้าแผนในที่สุดท่านก็จะประทานพรให้ข้าแล้วถ้าใครชอบเรื่องเทพตำนานของอินเดียก็จะทราบกันดีว่าถ้าเกิดมีใครที่ไหนขอพรหรือสาปแช่งอะไรเมื่อไร่ล่ะก็จุดของเรื่องมันก็จะมาอยู่ตรงนั้น

โดยมันจะขอดีๆก็ไม่ได้มันข้อแล้วจะต้องมีข้ออ้างว่าแบบนู้นแบบนี้ไม่ตายแต่ว่าในคำว่าแต่มันจะนำมาด้วยความชิบหายในภายหลังจากนัว้นยักษ์ตนนี้ก็ได้ขอพรจากพระพรหมขอให้ข้าเป็นอมตะไม่มีอาวุธใดที่จะสังหารข้าได้ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจากสัตว์เทวดาและข้าก็จะต้องไม่ตายทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนจะไม่ตายทั้งในเรือนและนอกเรือนไม่ว่าจะบนดินหรือท้องฟ้า

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

ประวัติ ของHippocrates

ใครเคยได้ยินการรักษาโรคต่างๆที่เป็นความเชื่อแบบผิดๆน่าสยองแล้วไม่น่ารักษาอะไรต่างๆได้เลยไหมวันนี้เราจะบอกว่าเราไปเจอการรักษาอีกอย่างหนึ่งมาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาแล้วเราจะนำเอามาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันก็อย่างที่เราได้เกริ่นไปเมื่อกี้เลย

ซึ่งต้องบอกแบบนี้เลยว่าในโลกเรานั้นแน่นอนว่าเรื่องอาการเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติใช่ไหมและเราทุกคนก็ต้องเจ็บป่วยเช่นเดียวกับคนในสมัยโบราณและแน่นอนเมื่อมีการเจ็บป่วยก็จะต้องมีการรักษาแต่ในสมัยโบราณด้วยความที่เทคโนโลยีทางการแพทย์อะไรต่างๆยังไม่ได้มีการพัฒนาในแบบปัจจุบัน

ดังนั้นในสมัยโบราณเขาก็จะต้องมีการรักษาการเจ็บป่วยตามความเชื่อของเขามากมายหลากหลายวิธีโดยบางวิธีก็เป็นวิธีที่ดีเป็นนวัตกรรมของคนโบราณใช้ยาสมุนไพรอะไรต่างๆและในบางวิธีก็เป็นวิธีที่เราในฐานะคนปัจจุบันที่มีความรู้ทางด้านการแพทย์ค่อนข้างที่จะดีกว่าคนในสมัยก่อนนี่เราจะต้องรักษากันแบบนี้จริงๆหรอ

ซึ่งต้องบอกว่าพวกวิธีรักษาพวกนี้มีหลายต่อหลายวิธีเลยทีเดียวตอนแรกหลังจากที่เราไปเจอข้อมูลมาเราก็เลยอย่างจะเล่าวิธีในการรักษาในสมัยโบราณแต่ว่าข้อมูลมันเยอะเกินไปและขอบอกเลยวว่าการรักษาแต่ละวิธีมันพีกมาก

ดังนั้นเป็นวิธีการรักษาสุดสยองของคนสมัยโบราณ

โดยวันนี้เราก็ได้มาพร้อมกับวิธีแรกกันเลย กรีดเลือดรักษาโรค 

ซึ่งต้องบอกว่าการขับเลือดเสียออกเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่เก่าแก่ที่สุดที่เกือบที่สุดของมนุษยชาติเลยทีเดียวเพราะว่าการขับเลือดเสียเพื่อรักษาการบาดเจ็บอาการป่วยหรือว่าอะไรต่างๆเป็นการรักษาที่มีอายุยาวนานมากๆเขาว่ากันว่า วิธีการรักษานี้น่าจะมีขึ้นมาตั้งแต่ในสมัย เมโสโปเตเมีย เราคงจะจำกันได้ใช่ไหมอารยธรรม เมโสโปเตเมีย อารยธรรมแรกของมนุษย์เขาบอกว่ามีมาตั้งแต่สมัยของชาวสุเมเรียนที่เป็นคนคิดค้นอักษรลิ่มคูนิฟอร์มอักษรแรกของโลก

นอกจากนี้เขาได้บอกว่าการรักษาด้วยการขับเลือดน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยสุเมเรียนแล้วก็สืบต่อมาจนกระทั่งถึงสมัยอียิปต์โบราณอย่างไรก็ตามในการรักษาด้วยวิธีนี้มันมาเฟื่องฟูสุดขีดในช่วงยุคสมัยของกรีกโบราณและในการขับเลือดเสียออกจากร่างนี่มันก็มาโด่งดังเพราะทฤษฎีของหมอชาวกรีกโบราณคนนึงคนนี้เขาชื่อว่าHippocrates 

ซึ่งHippocrates คนนี้เขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากๆเลยทีเดียวพราะว่าเขานั้นถือว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ การรักษาการยาเลยทีเดียวโดยทฤษฎีของเขาได้บอกว่าร่างกายของมนุษย์ประกอบไปด้วย4ธาตุด้วยกันได้แก่ดินน้ำลมไฟฟังดูจะจีนๆหน่อยแต่มันคือทฤษฎีของกรีกโบราณ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ขายหวยออนไลน์

การลงโทษสุดโหดในสมัยรัชกาลที่5

สำหรับโทษทัณฑ์ในสมัยรัชกาลที่5ที่ได้แสดงให้เห็นภาคทัณฑ์เลยก็ได้ไปทำเรื่องโรมันที่ไม่ดีเอาไว้เยอะเพื่อได้มาอ่านเรื่องของกฎหมายการประหารของชาติอะไรนี่มันไม่มีอะไรจะพูดตัวโทษกฎหมายเหล่านี้ก็คือตัวโทษกฎหมายของการกบฏศึก

ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นการลงโทษที่ใช้กับผู้ที่ทำการรัฐประหารอย่างเดียวแต่มันก็ยังรวมถึงผู้ที่ก่อความไม่สงบเรียบร้อยต่อแผ่นดินอีกด้วยเช่นการปล้นการเผาพระนครการฆ่าพระเผาโบสถ์เผาวิหารทารุณเด็กสร้างความไม่สงบเรีนยร้อยต่อแผ่นดินรวมไปถึงผู้ที่คิดร้ายต่อพระมหากษัตริย์อีกด้วยโทษทั้งสิบสามปราการเราจะขอจัดเรียงลำดับไปเรื่อยๆถึงที่มีความโหดมาเลยทีเดียว

โดยเราจะบอกว่าเราก็ไม่ได้แปลออกมา100%เพราะว่าภาษาบางทีที่เขียนดูแล้วมันจะเป็นภาษาง่ายๆแต่มันไม่ง่ายเลย

อันดับแรกก็จะเป็นการตีด้วยกระบองสั้นกระบองยาวจนกว่าจะตาย

อันดับสองการตีด้วยการตีด้วยหวายจนกว่าคนนั้นจะตาย

อันดับสามใช้ขวานผ่าอกของนักโทษออกมาแล้วให้ทำการแหกซีโครงออกเท่าๆที่ยังมีชีวิตอยู่

อันดับที่สี่ให้เอาหอกทิ้มจนกว่าตัวนักโทษนั้นจะตาย

อันดับที่ห้าให้เอามันชุบน้ำมันทั้งสิบนิ้วจากนั้นก็เอาเพลิงมาจุดเผามือถ้าคิดว่าเอาผ้าพันมือแล้วมันไม่สะใจ

อันดับที่หกเอาผ้าพันมันทั้งร่างกายแล้วก็จุดเอาไฟเผาให้ตายไปเลย

อันดับที่เจ็ดให้ขุดหลุมจากนั้นก็เอานักโทษลงไปฝังลงไปแค่เพียงครึ่งตัวให้ร่างกายมันขยับไปไหนไม่ได้เสร็จแล้วก็เอาฟางมาปกคลุมร่างกายจากนั้นก็จุดไฟเผาเผาเสร็จไม่พอก็จะเอารถไถมาไถทับเข้าไปอีก

อันดับที่แปดตั้งน้ำมันให้เดือดเสร็จแล้วก็เทลงไปบนหัวราดไปจนกว่าจะตาย

อันดับที่เก้าก็ขังสุนัขเอาไว้อย่างให้มันได้กินอะไรเลยจนทำให้สุนัขนั้นหิวอย่างเต็มที่แล้วก็เอาตัวนักโทษโยนลงไปให้สุนัขกัดจนตาย

อันดับที่สิบเขาบอกว่าให้เอาห่วงเหล็กไปใส่ไว้ตามข้อทั้งเข่าและขาเสร็จแล้วดึงห้ามให้ขยับได้หลังจาดนั้นก็จุดไฟจนกว่าจะตาย

อันดับที่สิบเอ็ดให้สับร่างกายจนเกิดแผลไปทั่วร่างหลังจากนั้นก็จะให้เอาแปรงขูดน้ำแสบก็จะเอาแปรงพวกนี้ได้ลูบตามผิวหนัง

อันดับที่สิบสองการประหารแบบนี้ต้องห้ามทำให้เนื้อหนังของมันขาดออกมาเนื่องจากว่าเขาจะต้องเอาหินทุบตัวให้แหลก

อันดับที่สิบสามการเอามีดตัดเนื้ออกมาทีละตำลึงก็ไม่เข้าใจว่าจะต้องเอามาชั่งเพราะว่ายังไงเขาก็ต้องตัดเนื้อออกมาจนตายแต่ถ้ายังไม่สะใจ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  alpha88

หลอนตำหนักพระองค์หญิงขาว

สำหรับเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่ได้หายตัวเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้างที่เขากำลังบูรณะกันอยู่จากนั้นพ่อและแม่ก็ได้วิ่งตามหาลูกที่ได้วิ่งหายไปและก็พบตัวลูกแล้วปรากฏว่าพ่อและแม่ก็ได้ถามลูกว่าไปทำอะไรมาพร้อมกับเสียงหัวเราะและได้บอกว่าก็ไอจุกคนนั้นมันนุ่งโจรกระเบนมาแล้วมันก็ได้มาเล่นกับหนูทุกวันนี่แหละ

จากนั้นพ่อและแม่ได้ฟังแบบนี้แล้วเด็กหัวจุกนุ่งโจรกระเบนอยู่ก็เงียบไปพักหนึ่งแล้วก็คิดว่าเด็กคนนี้มันมาจากไหนยังไม่ทันหายอึ้งเลยอยู่ลูกก็บอกว่านั่นไงไอจุกมันอยู่ข้างหลังพ่อและแม่พอได้ยินก็รีบหันไปทันทีพร้อมกับน่าตาที่ตื่นกลัว

แต่ทว่าสิ่งที่พ่อและแม่ที่ได้เห็นนั้นมันกลับเป็นความว่างเปล่าในความมืดหลังจากนั้นก็รีบจับแขนลูกรีบกลับเข้าห้องคนงานเลยทีเดียวลูกชายก็บ่นว่าแม่หนูเจ็บทำไมต้องลากแบบนี้ด้วยพ่อแม่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลยพร้อมกับบอกอีกด้วยว่าห้ามไปเล่นกับไอจุกนั่นอีกลูกชายก็สงสัยว่าทำไมล่ะหนูก็เล่นกับไอจุกมาตั้งหลายวันแล้วก็จะไม่เห็นมีอะไรเลยพ่อแม่ก็พูดอะไรไม่ออกเลยได้แต่บอกว่าเชื่อฟังพ่อแม่ดีแล้วลูก

นอกจากนี้เรื่องที่ได้สยองก็คือครั้งหนึ่งได้มีคนงานมาดื่มเหล้าจนหนักแล้วเมานอนหลับอยู่บริเวณชั้นล่างเลยนอนกองเหมือนหมาเลย

ซึ่งบริเวณที่คนงานเขาได้เข้าไปนอนอยู่นั้นมันก็เป็นบริเวณที่ใกล้ๆกับรูปภาพ เสด็จพระองค์หญิงขาว ที่พระองค์ได้เสียชีวิตไปแล้วปรากฏว่ารุ่งเช้าขึ้นคนทำงานคนนี้ที่ไปนอนเมาอยู่ตรงนี้นั้นก็ถูกพบสภาพกลายเป็นศพไปแล้ว

โดยสาเหตุการตายก็ไม่มีใครทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เนื่องจากเขามีเรื่องของปัญหาของสุขภาพหรือเปล่าหรือว่าเขาไปทะเลาะกับใครแล้วโดนฆาตกรรมมันก็เลยทำให้ทุกคนต่างก็คิดไปต่างๆนาๆว่ามันอาจจะเป็นไปได้ว่าคนงานคนนี้ไปทำเรื่องราวที่มันไม่เหมาะสมแล้วก็ไปนอนสภาพไม่ดีต่อรูปภาพของพระองค์หญิงขาวก็เลยถูกลงโทษ

สำหรับเรื่องราวแปลกก็ทำให้ผู้คนได้พบเห็นกันจนทำให้ขนลุกกันมากมายจนกระทั่งได้มีคนงานบางคนถึงขนาดที่เก็บกระเป๋าออกไปในวันรุ่งขึ้นแล้วของไม่รับค่าจ้างขอเอาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อนแล้วกลับต่างจังหวัดไปเลยเอาเป็นว่าเรื่องราวแปลกๆที่ผู้คนเขาได้พบเจอกันมากมายมันก็เลยทำให้การบูรณะพระตำหนักนี้ถึงกลับล่าช้าไปเป็นเวลานาน

นอกจากนี้หลังจากที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมอะไรกันจนเสด็จแล้วเรื่องราวความหลอนในนี้ก็ยังไม่ได้หายไปไหนตำหนักนี้ก็ได้กลายเป็นหอพักชาติไทย

 

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์บาทละ 950

ลัดดาแลนด์เป็นเรื่องจริงหรือแต่ง?

เวลาที่เราพูดถึงเรื่องของลัดดาแลนด์เราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ที่คนสมัยก่อนได้ให้ความสนใจและโด่งดังมากๆ

เมื่อประมาณปี2554ทางGTHก็ได้นำเนื้อเรื่องของลัดดาแลนด์ตรงนี้มาดัดแปลงทำเป็นหนังผีเพราะว่าหมู่บ้านลัดดาแลนด์หรือตำนานลัดดาแลนด์ตรงนี้มันมีเรื่องราวที่น่าสนใจและมันมีเรื่องของตำนานที่บอกต่อๆกันมาว่ามันเคยเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมเกิดขึ้นแล้วทำให้คนได้เห็นเหตุการณ์แปลกๆอยู่มาเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นทั้งเห็นภาพติดวิญญาณไม่ว่าจะเป็นทั้งเห็นคนที่เสียชีวิตออกมาเดินเรร่อนอยู่กลางถนน

ซึ่งทางGTHเขาก็ได้ดัดแปลงเอามาทำเป็นหนังและแน่นอนว่าหลังจากที่ทุกๆคนได้ดูหนังเรื่องนี้จบหลายๆคนก็จะสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งก็จะมีหลายๆคนได้ไปหาข้อมูลไปหาประวัติต่อเรื่องนี้เราคิดว่ามันค่อนข้างที่จะน่าสนใจเลยเอามาเล่าให้ทุกคนฟัง

เวลาที่เราพูดถึงตำนานต่างๆเกี่ยวกับสถานที่รกร้างที่มีอยู่จริงหลากหลายในพื้นที่ในประเทศไทยต้องขอบอกเลยว่าแต่ละในสถานที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นตำนานที่มีคนเล่าต่อๆกันมาและได้เป็นตำนานที่ผิดไปจากความเป็นจริงค่อนข้างที่จะเยอะ

ซึ่งหนึ่งในนั้นมันได้มีหนึ่งตำนานที่คนไทยเราได้จำฝังใจแล้วได้บอกต่อๆกันมาถึงขั้นที่ว่าได้มีค่ายหนังค่ายหนึ่งเอาเรื่องนี้ไปทำเป็นหนังเลยก็ว่าได้และหนังเรื่องนั้นก็คือลัดดาแลนด์นั่นเอง

โดยลัดดาแลนด์ที่เราพูดถึงตรงนี้ตามข้อมูลที่เราได้ไปหามานั่นก็คือลัดดาแลนด์เปรียบเสมือนอุทยานการท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อประมาณปี2512

นอกจากนี้ลัดดาแลนด์ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเศรษฐีคู่หนึ่งที่ชื่อว่า พล.ต.ประดิษฐ์ กับ คุณนายลัดดา ที่ในยุคนั้นทั้งสองคนมีแนวคิดในการสร้างลัดดาแลนด์ขึ้นมาจากการที่ทั้งคู่ได้ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์แล้วมีความรู้สึกว่าอยากทำให้พื้นที่ในประเทศไทยหรือว่าบ้านเกิดของเขามีความน่าท่องเที่ยวมีความน่าดึงดูดอยากจะให้นักท่องเที่ยวมาในจังหวัดของเขากันเยอะๆให้เหมือนกับที่ดิสนีย์แลนด์

โดยเขาได้มีไอเดียสร้างอุทยานการท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วได้ตั้งชื่อว่าลัดดาแลนด์นั่นเองเพราะว่ามันเป็นความคิดที่อยากจะมีคนมาท่องเที่ยวในจังหวัดบ้านตัวเองให้เยอะมากขึ้นอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี lottovip 2ตัว

การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรซิม่า

ทหารญี่ปุ่นชะล่าใจเกินไปจะในช่วงที่ผ่านมาที่มีผู้บัญชาการว่าทหารได้เกิดการผิดพลาดเครื่องบินถูกยิงและก็ทำให้พนังงานตายไปพร้อมกับเครื่องบินใช่ไหม

แต่ทหารได้บินเข้ามาจริงๆมันกลับไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้นมันบินเข้ามาได้อย่างสบายๆมันไม่ใช่ว่าฝ่ายทหารญี่ปุ่นมองไม่เห็นเห็นแต่ด้วยความที่ว่าเขาทำสงครามกันมานานแล้วก็เอาระเบิดมาทิ้งกันเป็นว่าเล่นเลยจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา

จากนั้นมันก็ทำให้กองทัพญี่ปุ่นอาจจะเห็นเรื่องนี้จนชินกันไปแล้วพอทหารญี่ปุ่นได้ตรวจพบว่ากองฝูงบินของอเมริกาที่จะบินเขามาทิ้งระเบิด

ซึ่งเป็นฝูงเล็กๆก็เลยคิดว่าเขามาทิ้งระเบิดในการทดลองอีกแล้วก็เลยปล่อยไปและก็หันไปป้องกันอะไรที่มันร้ายแรงกว่านี้ดีกว่าฝูงบินเล็กๆแบบนี้ก็คงจะไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรที่ร้ายแรงหรอกและนี่มันก็คือการตัดสิ้นใจที่ผิดพลาดใครั้งใหญ่หลวง

นอกจากนี้หลังจากที่นิวเคลียร์ได้ลงที่ญี่ปุ่นแล้วก็ไม่ใช่ว่ากองทัพของญี่ปุ่นจะรู้ทันทีเลยนอกจากความตายใจในการสกัดกั้นแล้วหลังจากที่ฮิโรชิมาได้ระเบิดเป็นหน้ากองก็ต้องใช้ระยะเวลากว่าสามชั่วโมงกว่าที่ทางกรุงโตเกียวจะรับรู้ว่าที่ฮิโรชิมาได้ถูกทำร้ายราบคาบไปแล้วและในตอนที่รู้ว่าเมืองได้ถูกทำลายก็ยังเข้าใจว่ามันเป็นการทำลายจากระเบิดธรรมดาด้วยซ้ำ

จนในกระทั่งอีก16ชั่วโมงต่อมาจึงได่รู้ว่ามันเป็นระเบิดนิวเคลียร์แล้วก็ไม่ได้รับรู้จากพวกเขาตัวเองด้วยเขาได้ทราบจากทางสหรัฐที่ตอนนั้นเขาได้ประกาศให้ทั่วโลกได้ทราบว่าการโจมตีที่ฮิโรชิม่ามันเป็นการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูในครั้งแรกของโลก

เนื่องจากนี้สงครามโลกยังวุ่นวายไม่พอยังมีรัฐประหารอีกในช่วงสงครามโลกกองทัพญี่ปุ่นก็ได้สั่งระดมพลทั้งหมดทำการเกณฑ์ทั้งผู้ชายและผู้หญิงลูกเล็กเด็กแดงมาเพื่อนำมาจะเป็นกองกำลังในการต่อสู้กับกองทัพสหรัฐที่พวกเขาได้คาดว่าน่าจะบุกขึ้นมาบนแผ่นดินหลังจากที่พวกเขาได้ทิ้งนิวเคลียร์คือเตรียมพร้อมอย่างเรียบร้อยแต่พอเตรียมเสร็จเรียบร้อย

องค์จักรพรรดิก็ได้ออกมาประกาศว่าข้าขอยอมแพ้เรามายุติสงครามกันดีกว่าแท้ที่คนพวกนี้เขาจะยอมแพ้ตามกลับได้มีทหารบางส่วนในพวกนี้เขาไม่พอใจแล้วก็พยายามที่จะก่อการรัฐประหารขึ้น

นอกจากนี้ยังไม่พอยังซวยแล้วซวยซ้ำไม่รู้ว่าเพื่อนๆหลายคนเคยได้ยินเรื่องราวของบุคคลหนึ่งหรอืไม่เราจำชื่อเขาไม่ได้เขาได้รอดจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ที่เมืองฮิโรซิม่าเพราะ่วาเขานั้นได้รีบหลบเข้าไปยังหลุมหลบภัยในช่วงที่มีสัญญาณเตือน

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  betbb

ผีตีนกลับที่สุพรรณบุรี 

สำหรับเรื่องของผีตีนกลับเราได้ไปค้นหาข้อมูลเราได้พบว่ามันได้มีเหตุการเล่ากันอย่างหลากหลายตำนานมากๆเลยกับเรื่องของผีตีนกลับนี้

ซึ่งบางตำนานก็ว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นหรือว่าเรื่องนี้มันก็เคยเกิดขึ้นจริงมีคนพบเจอจริงๆแบบนี้ๆแต่เราก็ไมขอฟันธงว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ต้องใช้วิจารณาญาณในการอ่านให้ดีๆ

สำหรับเรื่องราวนี้ได้เป็นของชายผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดสุพรรณเรื่องราวที่เขานั้นได้พบเจอกับผีตีนกลับมันไม่ใช่เป็นเพียงแค่การค้นพบเจอแต่อย่างเดียวแต่ว่าวันนั้นที่ชายผู้หนึ่งได้ไปพบเจอผีตีนกลับที่จังหวัดสุพรรณก็ไปกันหลายคนและสิ่งที่พวกเขานั้นได้พบเจอกับผีตีนกลับไม่ได้เป็นการพบเจอเพียงแค่คนเดียวแต่ยังได้มีเพื่อนอีกจำนวน6คนที่ร่วมชะตากรรมที่ร่วมเจอผีตีนกลับที่จังหวัดสุพรรณบุรีนี้ด้วยกัน

โดยเรื่องราวของผีตีนกลับบ้างก็ว่าเป็นผู้หญิงบ้างก็ว่าเป็นผู้ชายบ้างก็ว่าเป็นคนแก่บ้างก็ว่าเป็นหนุ่มแล้วเรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นมากมายว่ากันว่าคนในพื้นที่นั้นจะเล่ากันอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือเรื่องของผีตีนกลับที่ได้มีการพบเห็นกันอยู่บ่อยครั้ง

ซึ่งได้เป็นผีของพนักงานหญิงผู้หนึ่งหลังจากที่เธอนั้นได้ก้าวเท้าออกจากรถบริษัทเพียงแค่ไม่กี่ก้าวอยู่ๆก็มีรถยนต์กะบะวิ่งเข้ามาชนที่ลำตัวของเธออย่างเต็มๆตัวจนทำให้ร่างกายของเธอบิดกับรูปว่ากันว่าแรงรถที่เข้ามาชชนตัวเธอนั้นมันได้ทำให้ตัวของเธอนั้นบิดกลับด้าน

เนื่องจากนี้มันก็หมายความว่าโดยปกติแล้วปลายเท้าของเราจะชี้ไปด้านหน้าแต่คราวนี้ที่ท่อนล่างของเธอได้ถูกหันกลับไปอีกด้านหนึ่งคุณพอจะนึกภาพกันออกมั้ยว่าปลายเท้ามันได้กลับไปอยู่ด้านหลัง

ในส่วนเรื่องราวของชายผู้หนึ่งและเพื่อนๆที่ได้ไปพบเจอกับผีตีนกลับวันนั้นเขาได้ไปเที่ยวงานวัดที่จังหวัดสุพรรณกันนั่งรถกะทะไปคันเดียวกันพร้อมกับเพื่อนๆของเขาทั้ง6คนพอไปจนงานในช่วงเย็นทุกคนก็เดินเที่ยวงานกันอย่างสบายใจกันเลยเดินดูอะไรไปเรื่อยตามภาษาของวัยรุ่น

เมื่อเวลา5ทุ่มเศษทุกคนก็ชวนกันกลับบ้านและเส้นทางที่พวกเขาใช้ก็เป็นทางถนนธรรมดามันไม่ได้ใหญ่อะไรมากแต่มันก็มีไฟตามท้องถนนเป็นระยะๆแต่มันไม่ได้เป็นแสงไฟที่มันสว่างมากๆก็ถือได้ว่ามีความน่ากลัวในระดับหนึ่งตลอดทั้งเส้นทางท้องถนน

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี หวยดี

ตำนานเผด็จการ นาย รีซึงมัน

ในปี ค.ศ.1960เมื่อประชาชนเห็นว่าไม่สามารถสู้ในระบบได้เลือกตั้งก็โดนโกงรัฐธรรมนูญก็โดนแก้ให้เหมาะกับเผด็จการไปเรื่อยๆประชาชนที่ทนไม่ไหวก็ออกกันทั้งประเทศเป็นครั้งแรกๆ

โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากนักเรียนนักศึกษาและแรงงานเรียกว่าApril 19 Movement ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วประเทศประชาชนโกรธแค้นถึงขีดสุดฟางเส้นสุดท้ายก็คือมีการพบศพเด็กมัธยมอายุเพียง16ปีถูกทิ้งในทะเล

ซึ่งเด็กคนนี้คนที่หายตัวไปหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่เพิ่งได้เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้านั้นความแค้นนี้ทำให้เกิดการลุกฮือที่ต่อเนื่องมาอีกถึง2สัปดาห์ รี ซึงมัน ประกาศสภาวะฉุกเฉินทหารตำรวจได้ใช้กระสุนจริงกับประชาชนมีคนเสียชีวิตไปถึง186คนแต่ก็ไม่สามารถที่จะควบคุใสถานการณ์ได้สุดท้ายแล้ว รี ซึงมัน ก็ตัดสินใจหนี

โดยขอความช่วยเหลือจากCIAให้เอาเครื่องบินมาพาออกไป นายรีซึงมัน ลี้ภัยไปอยู่ที่ฮาวาย5ปีก่อนที่จะเสียชีวิตไปในที่สุดความเป็นเผด็จการของ นายรีซึงมัน ไม่ใช่แค่แก้รัฐธรรมนูญจนกลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อพวกตัวเองเท่านั้น

ส่วนหนึ่งที่ทำได้ก็เพราะว่าในช่วงที่ประเทศอยู่ในสภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือเขาก็ใช้โอกาสนี้ออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ

ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าทำไปเพื่อความมันคงของตัวเองเพราะว่ากฎหมายถูกใช้กำจัดนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตรงข้ามแบบตามใจชอบโดยได้ตีตราว่าเป็นพวกฝักใฝ่เกาหลีเหนือแค่ช่วงต้นของสงครามเกาหลีมีนักโทษการเมืองถูกจับข้อหาคอมมิวนิสต์เกือบสามหมื่นคนถูกปรับทัศนคติเกือบสามแสน

นอกจากนี้ก็ยังได้มีการสังหารหมู่ประชาชนด้วยกำลังทหารอีกหลายต่อหลายครั้งเช่นในวันที่สงครามเปิดฉากกองทัพเกาหลีเหนือบุกเข้ามา นายรีซึงมัน กลับตัดสินใจสั่งประหารนักโทษการเมืองทั้งหมดเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมมากๆ

ยุคสาธารณรัฐที่สอง 1960 – 1961 หลังจากที่นายนายรีซึงมัน ได้ลี้ภัยไปแล้วเกาหลีใต้ก็ได้เข้าสู่ยุคใหม่อำนาจได้กลับมาสู่พลเรือนอีกครั้งและได้เริ่มกระบวนการเข้าสู่ประชาธิปไตยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญขนานใหญ่จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีให้น้อยลงเพิ่มอำนาจให้้รัฐสภาที่ตั้งขึ้นมาใหม่ใช้ระบบรัฐสภาอำนาจสูงสุดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี

รัฐสภานำโดยนายกรัฐมนตรี ชาง เหมียน เป็นยุคที่ฝ่ายซ้ายเริ่มผลักดันการเมืองมีการตั้งสหภาพอาชีพต่างๆมากมายเช่นสหภาพครูสหภาพนักข่าวในช่วงระยะเวลา8เดือนแรกของสาธารณรัฐที่2ประชาชนก็ได้มีการเคลื่อนไหวน้อยใหญ่ในเรื่องต่างถึง2พันครั้งและนายกรัฐมนตรี ชางเหมียนก็ถูกกดดันให้เช็คบิลกับเครือข่ายของ นาย รีซึงมัน มีคนถูกสอบสวนเกือบ4หมื่นคนข้าราชการและตำรวจหลายพันคนถูกขับออกจากตำแหน่งมีการวางแผนปฏิรูปกองทัพลดขนาดให้เล็กลงเพราะสงครามเกาหลีจบลงไปแล้ว

คนไทยมาจากเขาอัลไตจริงหรือไม่?

คนไทยมาจากไหนคนไทยมีถิ่นกำเนิดมาจากที่ใดยังเป็นปัญหาที่มีคำตอบแตกต่างกันออกไปหลากหลายแนวที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่นอนตายตัวลงไปได้เราจะมาทำความเข้าใจทฤษฎีคนไทยมาจากไหนว่าแต่ละทฤษฎีจะมีความเป็นมาและน่าเชื่อถืออย่างใดก็อยากให้คุณได้พิจารณาตามกันไป

ทฤษฎีแรก คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต ทฤษฎีนี้เป็นความเชื่อที่เคยดังของคนไทยเจ้าของความคิดก็คือหมอสอนศาสนาชื่อนายวิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ หรือ หมอดอดด์ ได้ปรากฏในงานเขียนเรื่องThe Tai Race ซึ่งในงานเขียนนี้ได้สรุปว่าคนไทยนั้นได้สืบเชื้อสายมาจากมองโกและได้เป็นชาติเก่าแก่มากกว่าจีน 

ซึ่งคนไทยได้ถูกเรียกว่าอ้ายลาวหรือต้ามุงและเป็นเจ้าของถิ่นเดิมของจีนมาก่อนจีนตั้งงแต่2,200ปีก่อนคริสต์ศักราชฉะนั้นจึงเป็นพี่/อ้ายของจีนต่อมาก็ได้เคลื่อนที่เรื่อยจากทางเหนือเข้ามาแดนจีนและก็ค่อยอพยพครั้งใหญ่นับแต่ตอนกลางของจีนลงมาสู่ตอนใต้และจากจีนตอนใต้เข้าสู่อินโดนจีน

กล่าวกันว่าในบริเวณตอนใต้ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงนั้น หมอดอดด์ ได้เดินทางออกสำรวจเรียบร้อยแล้วทั้งสิ้นแต่ในสิ่งที่นอกเหนือจากนั้นก็ได้อาศัยความคล้ายคลึงทางภาษาไทยเป็นเหตุสนับสนุนเอางานเขียนของ หมอดอดด์ ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและต่างประเทศนักวิชาการไทยคนสำคัญที่ได้สืบทอดความคิดของหมอดอดด์ก็คือ “ขุดวิจิตรมาตรา” 

ซึ่งเขาได้เขียนงานที่มีชื่อว่าหลักไทยได้เป็นหนังสือแต่งทางประวัติศาสตร์และหนังสือนี้ก็ได้รับพระราชทานรางวัลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้ากับประกาศนียบัตรวรรณคดีของราชบันฑิตในปีพ.ศ.2471เลยทีเดียว

นอกจากนี้ในหนังสือหลักไทยนั้นยังได่สรุปว่าแหล่งกำหนดของคนไทยนั้นอยู่ที่บริเวณเทือกเขาอัลไตที่ได้เป็นบ่อเกิดของมองโกด้วยในภายหลังก็ได้แยกออกมาต้นถิ่นภูมิลำเนาใหญ่โตในระหว่างลุ่มแม่น้ำเหลืองและแม่น้ำแยงซีเกียงเรียกว่าอาณาจักรอ้ายลาวจนต่อมาได้ถูกจีนรุกรานจนได้ถอยออกมาเรื่อยๆจนได้เข้าสู่สุวรรณภูมิ

สำหรับในหนังสือหลักไทยได้รับความนิยมสูงมาก จนหลักสูตรไทยได้ใช้เป็นตำราเรียนประวัติศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการเป็นเวลานาน

แต่ในปัจจุบันแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับน้อยมากอีกทั้งยังได้ถูกพวกนักวิชาการในบางกลุ่มนั้นแซกแล้วแซกอีกจนไม่รู้ว่าจะแซกไปยังไงกันแล้วเพราะตามหลักข้อสรุปในหนังสือหลักไทยนี้ก็ไม่ได้รับการยอมรับมากสักเท่าไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเคารพในบนสรุปของในหนังสือหลักไทยนี้จึงได้ถูกกลุ่มวิชาการไม่เชื่อตามกันมาเช่นกัน

นายปรีดี พนมยงค์ จัดการกับผู้รุกรานที่ได้ยกพลขึ้นไทย

ภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกที่สร้างขึ้นโดยบริษัทปรีดีภาพยนตร์นี้สร้างขึ้นในแนวบรรยากาศโลกครั้งที่2กำลังกองตัวขึ้นในทวีปยุโปร

แนวคิดปรีดี ในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์และอำนวยการสร้างพยายามที่จะนำเสนอผ่านภาษอังกฤษเรื่องนี้คือการกระตุ่นย้ำเตือนให้ชาวโลกหลีกเลี่ยงสงครามและให้ตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่รวมกันอย่างสันติ

พระจ้าช้างเผือกถ่ายทำณรงถ่ายฟิล์มและในป่าจังหวัดแพร่โดยผู้แสดงส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศึกษาวิทชาธรรมศาสตร์และการเมืองแต่ไม่ทันที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ทำหน้าที่อันสำคัญอย่างยิ่งมหาสงครามโลก

ซึ่งได้กินระยะเวลายาวนานถึง6ปีและได้ฆ่าชีวิตผู้คนไปกล่าว40ล้านคนก็อุบัติขึ้นการเติบโตของระบอบเผด็จการชาตินิยมทั่วโลกนับแต่พุทธศักราช2465เป็นต้นมาได้กลายเป็นชนวนองสงครามโลกครั้งที่2ในที่สุด

เดือน กันยายน 2482 พรรคนาซีเยอรมนีได้เปิดฉากสงครามโดยการนำทัพบุกโปรแลนด์2ปีต่อมาญี่ปุ่นได้โจมตีกองทัพเรือที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ของสหรัฐโลกแบ่งฝ่ายอังษะ

ซึ่งได้นำโดยเยอรมนี อิตาลี และ ญี่ปุ่น กับ ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ อเมริกา รัสเซีย และ ฝรั่งเศส  2นาฬิกาของวันที่ 8 ธันวาคม 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกพร้อมกันที่สมุทรปราการและอีก6จังหวัดตลอดชายฝั่งทะเลภาคใต้ทหารตำรวจและพลเรือนไทยต่อสู้อย่างดุดเดือดแต่ก็ยากที่จะต้านทานกองทัพรูปพระอาทิตย์ที่ได้มีความเหนือกว่าทั้งด้านกำลังพลและอาวุธยุทธพันธุ์

เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมัดติเปิดทางให้ญี่ปุ่นผ่านเพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดเนื้อของชาวไทยรัฐบาลประกาศให้ทหารและพลเรือนทุกจังหวัดให้ยุติการต่อต้านผู้รุกรานท่ามกลางความเศร้าของชาวไทยทั่วประเทศเย็นวันนั้น นายปรีดี นับหมายผู้ใกล้ชิดมาร่วมหาลือที่บ้านกระบวกการต่อต้านญี่ปุ่นหรือที่ในเวลาต่อมาที่รู้จักกันในชื่อกระบวกการเสรีไทยถือกำหนดขึ้นนับแต่นั้น3วันถัดมาสถานทูตไทยวอชิงตัน

ซึ่งนำโดยอัคราชทูต หนุ่มเสนีย์ ปราโมช ประกาศไม่ขึ้นต่อการตัดสินใจของรัฐบาลไทยและกระบวกการเสรีไทยภายนอกประเทศขึ้นภารกิจในช่วงแรกของเสรีไทยในประเทศ

นอกจากพยายามจัดตั้งกองกำลังเพื่อเตรียมการต่อสู่กับญี่ปุ่นแล้วยังต้องการความพยายามส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้เสรีไทยภายนอกประเทศรับรู้เพื่อหาทางประสานกับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไปกำจัดพลานกูลศิษย์โรงเรียนกฎหมายที่สายรุ่นแรกที่ ปรีดี ในฐานะหัวหน้ากระบวนการเสรีไทยส่งไปยังประเทศจีนเพื่อหาทางติดต่อกับเสรีไทยในสหรัฐแต่คณะของจำกัดหายเงียบไปกว่า4เดือนหน่วยกล้าตายคณะที่สองจึงถูกส่งตามไป

เดือน กันยายน 2487 เสรีไทยภายในประเทศกับเสรีไทยกับสหรัฐอเมริกาติดต่อกันได้อย่างสำเร็จส่งผมทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถให้การช่วยเหลือกระบวนการทั้งด้านอาวุธและการวางแผนยุทธการอย่างเต็มที่

 

สนับสนุนโดย  dewabet