คลังเก็บหมวดหมู่: ศิลปะ

ออกซิเจนมาจากไหน ?

         สิ่งที่สำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้นั่นก็คือออกซิเจนนั่นเองหากคนเราขาดอาหารสามารถอยู่ได้นานถึง 7 วันเลยทีเดียว  หรือถ้าหากคนเราขาดน้ำก็ยังสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้นานถึง 3 วันสูงสุด

แต่ถ้าเราขาดออกซิเจนเมื่อไหร่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเราก็ตายได้ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าสิ่งมีชีวิตมีความต้องการที่จะใช้งานออกซิเจนและไม่สามารถที่จะขาดออกซิเจนได้ อย่างไรก็ตามเราดูดีอยู่แล้วว่าออกซิเจนมีความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์นั้นต้องการออกซิเจนมากแค่ไหนแต่ถึงเราจะรู้ถึงความสำคัญของออกซิเจนแต่เราก็ไม่เคยรู้เลยว่าออกซิเจนนั้นมาจากไหนกันแน่ทำไมออกซิเจนถึงมีอยู่บนโลกใบนี้ 

         อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เองก็ต้องการหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องของออกซิเจนเช่นเดียวกันเพราะนักวิทยาศาสตร์เองก็ต้องการอยากรู้ว่าออกซิเจนนั้นมาจากไหนซึ่งได้มีการตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องของออกซิเจนมาไว้หลายทฤษฎีด้วยกันอย่างไรก็ตามการเริ่มต้น

การตั้งทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์นั้นมีการย้อนกลับไปถึงช่วงประมาณ 2400 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในช่วงเวลานั้นโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดจิ๋วมากและมนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยสิ่งมีชีวิตดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่า ไซยาโนแบคทีเรีย 

         โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแบคทีเรียชนิดนี้เองที่มีออกซิเจนอยู่ในร่างกายและมันปล่อยออกซิเจนออกมาเพื่อเป็นของเสียและออกซิเจน

ที่มันปล่อยออกมานั้นก็ลอยเข้าไปสู่ชั้นบรรยากาศ อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังคงมีการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของออกซิเจนอยู่มีการคาดการณ์กันว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นออกซิเจนยังคงมีการผันผวนซึ่งบางครั้งออกซิเจนก็มีมากและบางครั้งออกซิเจนก็มีน้อยเป็นระยะเวลานานกว่า 1860 ล้านปีเลยทีเดียว

          ยังไงก็ตามตามทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์ยังระบุอีกว่าการทำสวนของออกซิเจนนั้นอยู่ดีๆก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากะทันหันโดยช่วงประมาณ 540 ล้านปีที่ผ่านมานี้เองซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้เองที่ทำให้ระดับของออกซิเจนนั้นมีการเสถียรมากขึ้น

และด้วยความที่ออกซิเจนมีความเสถียรที่เองความหนาแน่นของออกซิเจนนั้นก็เหมาะกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตพอเหมาะพอดี อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของออกซิเจนและการผันผวนของออกซิเจนรวมถึงการเสถียรของออกซิเจนมาจนถึงปัจจุบันนี้

         ยังคงเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้และยังคงต้องการที่จะหาคำตอบมาจนถึงทุกวันนี้และเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนก็ยังคงต้องติดตามคิดค้นหาคำตอบมาให้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเช่นนั้นมาจากไหนจึงเกิดมาจากแบคทีเรียที่มีการกล่าวเอาไว้แล้วทำไมอยู่ดีๆเอาเส้นตึงสามารถผันผวนทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิตอื่นๆนั้นดำรงอยู่ได้ด้วยกันหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    Lotto432

ชุดไทยพระราชนิยมกำลังจะถูกกัมพูชาเคลมเป็นของตัวเอง   

ชุดไทยพระราชนิยม คือชุดประจำชาติของไทยที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของประเทศไทย

แต่ปัจจุบันชุดไทยไม่ได้มีเฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้นเพราะมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเขมร กำลังจะเคลมชุดไทยวางเป็นชุดวัฒนธรรมของตนเองและไทยนั้นเป็นการลอกเลียนแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดไทยพระราชนิยม  

    ก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ว่าคนเขมรมักจะมีการแต่งชุดไทยตามงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานประกวดนางงามหรือแม้แต่เหล่าเซเลบคนดำก็มักจะแต่งชุดไทยออกสื่อต่างๆเพื่อให้คนเขมรด้วยกันเชื่อว่าชุดสไบผ้าถุงที่นุ่งแบบไทยๆนั้นคือชุดประจำชาติของตนเอง   

   สำหรับการที่เขมรเคลมชุดไทยเป็นชุดประจำชาติของตนเองนั้นมีมานานแล้วแต่รัฐบาลของประเทศไทยนั้นก็ไม่ได้มีการเข้ามาสนใจกับปัญหาดังกล่าวเพราะมองว่าการเข้าไปพูดคุยกับรัฐบาลเขมรโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องของการเคลมชุดไทยของประชาชนชาวเขมรนั้นจะส่งผลทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศขึ้นได้ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าปัจจุบันจะมีเพียงแค่ประชาชนชาวโซเชียลเท่านั้นที่ออกมาต่อต้านชาวเขมรที่แต่งตัวชุดไทยและเคลมว่าชุดไทยเป็นชุดประจำชาติของตนเอง

    ล่าสุดได้มีเซลล์รับคนดังของชาวเขมรซึ่งมีเชื้อสายเจ้าและเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสเธอชื่อว่าเจน่าเธอได้เดินทางที่ประเทศจีนและได้สร้างความฮือฮา

เมื่อได้มีการออกรายการจีนรายการหนึ่งซึ่งเป็นรายการที่คนให้ความนิยมเป็นอย่างมากและคนจีนยังมองว่ารายการนี้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยเซเรียบคนดังกล่าวนั้นได้มีการนำเสนอการแต่งกายด้วยชุดไทยพระราชนิยมและได้ประกาศว่าชุดดังกล่าวนั้นเป็นชุดโบราณของชาวเขมรทำให้มีประชาชนคนจีนเป็นจำนวนมากต่างก็พากันหลงเชื่อ 

   อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชาวเขมรกำลังทำเกี่ยวกับการนำชุดประจำชาติของไทยไปประกาศต่อหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นการออกรายการทีวีหรือประกาศผ่านทางโซเชียลมีเดียว่าเป็นเป็นชุดประจำชาติของตนเองถ้าหากว่าประเทศไทยยังไม่ออกมาคัดค้านและทำเพียงแค่นิ่งเฉยนั่นหมายถึงว่าในอนาคตก็จะเป็นการยอมรับว่าชุดประจำชาติของเขมรเหมือนกับชุดประจำชาติของไทยและวัฒนธรรมของชาวเขมรก็มีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของไทยนั่นเอง

  ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานองค์กรต่างๆออกมาคัดค้านชาวเขมรที่ลอกเลียนแบบการแต่งกายชุดประจำชาติของไทยหรือส่งเรื่องไปยังองค์การยูเนสโกเพื่อให้ทางองค์การยูเนสโกประกาศว่าชุดพระราชนิยมของไทยนั้นเป็นชุดไทยและเป็นชุดที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมของไทยและไม่ใช่ชุดของชาวเขมรซึ่งถ้าหากว่ามีการประกาศออกมาจากองค์การยูเนสโกว่าชุดไทยเป็นชุดประจำชาติของไทยเมื่อไหร่ชาวเขมรก็จะไม่มีโอกาสนำชุดประจำชาติของไทยที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมไทยไปเป็นชุดประจำชาติของตนเองได้อีกต่อไป 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    หวยดี

รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทยที่น่าสนใจ

รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทย หมายเหตุของผู้แปล ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 นิธิ เอียวสีวงศ์ ได้รับการสถาปนาให้เป็นหนึ่งในนักประวัติศาสตร์ที่สร้างสรรค์มากที่สุดของประเทศไทย ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2528

เขาได้เขียนเรียงความขนาดยาวชุดหนึ่งซึ่งใช้มุมมองทางประวัติศาสตร์ในการวิเคราะห์สังคมและการเมืองสมัยใหม่ บทความนี้เป็นหนึ่งในบทความที่มีชื่อเสียงที่สุดของซีรี่ส์นี้ ปรากฏครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2534 1 ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น รัฐบาลทหาร (คสช.) ได้เข้ายึดอำนาจโดยการรัฐประหาร แทนที่รัฐบาลชุดแรกที่นำโดยนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519

ในตอนแรก การรัฐประหารได้รับการตอบรับอย่างดีจากสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ ธุรกิจและชนชั้นกลาง แต่การสนับสนุนนี้ก็ค่อย ๆ สลายไปในปีต่อมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายพลร่างรัฐธรรมนูญซึ่งออกแบบมาเพื่อให้กองทัพกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง การประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายนี้เริ่มขึ้นในเดือนเดียวกัน บทความนี้ปรากฏขึ้นและถึงจุดสูงสุดในวันที่ 17–20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เมื่อทหารยิงใส่ฝูงชน วิกฤตการณ์นี้นำไปสู่การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญและฟื้นฟูระบอบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย

เรียงความที่ปรากฏในพื้นหลังนี้ไม่สามารถล้มเหลวในการโต้เถียงและยังคงเป็นเช่นนี้ นิธีให้เหตุผลว่าความสัมพันธ์เชิงอำนาจและหลักการปฏิบัติการของการเมืองไทยแตกต่างอย่างมากจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ (และอันที่จริง หลักการวิเคราะห์ทางวิชาการส่วนใหญ่ใช้กัน) ในการแนะนำบทความของ Nidhi ในปี 1995

รวมถึงบทความนี้ ธงชัย วินิชกุล ตั้งข้อสังเกตว่ามุมมองของ Nidhi ในบทความนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับการเมืองไทย แต่ก็ “ใกล้เคียงกับวาทกรรมปฏิกิริยามากเกินไป” 2

ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงเผด็จการทหารสฤษดิ์ ธนะรัชต์ บรรดาผู้ปกครองได้บ่อนทำลายความแตกแยกโดยมองว่าเป็น “ฝรั่ง” และสร้างความชอบธรรมให้กับการปกครองของตนโดยนำเสนอว่าเป็น “ไทย” ธงชัยแนะนำว่าการนำรัฐธรรมนูญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตะวันตกมาใช้อาจเป็นวิธีที่ดีในการต่อสู้กับด้าน “มืด” ของความสัมพันธ์เชิงอำนาจซึ่ง Nidhi เรียกว่ารัฐธรรมนูญวัฒนธรรม

แต่อย่างที่ธงชัยตั้งข้อสังเกตไว้ ไม่มีใครสามารถเข้าใจผิดว่า Nidhi เป็นพวกปฏิกิริยาและขอโทษต่อระบอบเผด็จการ ความไม่ลงรอยกันเล็กๆ น้อยๆ  หน้ากากแอร์   ระหว่างธงชัยกับนิธิเป็นช่วงเวลาหนึ่งของการถกเถียงครั้งใหญ่ในหมู่ปัญญาชนไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคสงครามเย็นสู่ยุคโลกาภิวัตน์ บางคนแย้งว่าเส้นทางของการปรับปรุงให้ทันสมัย ​​ซึ่งถูกวางผังโดยทฤษฎีเสรีนิยมหรือมาร์กซิสต์ ยังคงเป็นความท้าทายที่ดีที่สุด

ต่อรูปแบบการปกครองแบบเก่า คนอื่นแย้งว่าความล้มเหลวของทั้งลัทธิคอมมิวนิสต์และประชาธิปไตยกำหนดว่าการเมืองใหม่จะต้องสร้างขึ้นจากความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยปราศจากเทเลวิทยาของลัทธิสมัยใหม่ บทความนี้ – และบทความอื่นๆ ในซีรีส์เดียวกัน – เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนของ Nidhi ในโครงการหลัง

มรดกยูเนสโกในเกาหลี

มรดกยูเนสโกในเกาหลี มรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาของเกาหลี ซึ่งประกอบด้วยดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม การเต้นรำ สถาปัตยกรรม เสื้อผ้า และอาหาร นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประเพณีและความทันสมัย

เกาหลีใต้อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าไว้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสำหรับคนรุ่นหลัง นับตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกสุดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ผู้คนในเกาหลีได้พัฒนาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ตามความรู้สึกทางศิลปะที่โดดเด่นของพวกเขา สภาพทางภูมิศาสตร์ของคาบสมุทรทำให้ชาวเกาหลีมีโอกาสได้รับวัฒนธรรมทั้งจากทวีปและทางทะเลและทรัพยากรที่เพียงพอ

ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดวัฒนธรรมดั้งเดิมที่น่าสนใจและมีคุณค่าต่อมนุษยชาติทั้งในปัจจุบันและอนาคต มรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาของเกาหลี ซึ่งประกอบด้วยดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม การเต้นรำ สถาปัตยกรรม เสื้อผ้า และอาหาร นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประเพณีและความทันสมัย

ในปัจจุบัน ศิลปะและวัฒนธรรมเกาหลีกำลังดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบมากมายทั่วโลก ความสำเร็จด้านวัฒนธรรมและศิลปะของเกาหลีตลอดหลายยุคหลายสมัยกำลังนำพาเยาวชนที่มีพรสวรรค์จำนวนมากเข้าสู่การแข่งขันดนตรีและการเต้นรำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

ในขณะที่งานวรรณกรรมกำลังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมายสำหรับผู้อ่านทั่วโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Dansaekhwa (ภาพวาดขาวดำ) ของเกาหลีได้กลายเป็นที่พูดถึงในโลกศิลปะระดับโลก

ความคลั่งไคล้เคป๊อปของโลกถึงจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2020 เมื่อวงบอยแบนด์เกาหลีใต้ BTS ประสบความสำเร็จในอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในชาร์ตเพลง Billboard Hot 100 ด้วยซิงเกิลภาษาอังกฤษทั้งหมดชุดแรกชื่อ “Dynamite” BTS ได้กลายเป็นศิลปินเกาหลีใต้คนแรกที่ติดอันดับ Billboard Hot 100 และเป็นครั้งแรกในเอเชียตั้งแต่ปี 1963 ผลลัพธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของ K-pop ทั่วโลก

รวมถึงสหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และ ยุโรป เช่นเดียวกับญี่ปุ่น จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แทนที่จะเป็นฝีมือเฉพาะกลุ่ม ในบริบทเดียวกับที่มิวสิควิดีโอของดาราเคป๊อปเช่น BLACKPINK เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้มียอดวิวที่ระเบิดบน YouTube และกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น

และด้วยเหตุนี้ ความเป็นเลิศทางศิลปะของวัฒนธรรมเกาหลีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกจึงไม่ได้สร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน ความรู้สึกทางศิลปะดั้งเดิมที่สะท้อนให้เห็นในสิ่งประดิษฐ์ที่หลากหลายและภาพจิตรกรรมฝาผนังหลุมฝังศพของยุคสามก๊กมีความสมบูรณ์และลึกซึ้งยิ่งขึ้นเมื่อเกาหลีก้าวหน้าผ่านช่วงเวลาของ Unified Silla Goryeo และ Joseon นอกจากนี้ DNA

ของความรู้สึกทางศิลปะนี้ยังถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นสู่คนเกาหลีในปัจจุบันกาหลีใต้อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าไว้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสำหรับคนรุ่นหลัง ในปี 2020 รายการมรดกของเกาหลีใต้ทั้งหมด 50 รายการได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ หรือรวมอยู่ในทะเบียนความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่สร้างความน่าสนใจและความตื่นเต้นอยู่เสมอเลยทีเดียว

 

สนับสนุนจาก  มั่งมีหวย

การปฏิวัติของ สหภาพโซเวียต 

หลายคนรู้หรือไม่ว่าประเทศที่ยิ่งใหญ่ระดับสหภาพโซเวียตล่มสลายไปได้ยังไงจากสถานการณ์โลกตอนนี้ที่มีเหตุการณ์รัสเซียถล่มยูเครนอะไรต่างๆ เชื่อว่าชื่อประเทศหนึ่งที่หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินกันบ่อยมากๆก็คือสหภาพโซเวียตนั่นเอง 

ซึ่งปัจจุบันสหภาพโซเวียตไม่มีแล้วอย่างไรก็ตามเราได้ยินโซเวียตกันมาตั้งแต่เด็กๆอยากรู้กันไหมว่าประเทศที่ยิ่งใหญ่ระดับสหภาพโซเวียตระดับที่สามารถชนกับสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเย็นมันหายไปไหนแล้วมันล่มสลายไปได้ยังไงเราเลยไปเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสหภาพโซเวียตมาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ว

สหภาพโซเวียต ก่อนที่เราจตะไปพูดกันว่าสหภาพโซเวียตนั้นล่มสลายไปได้ยังไงเราขอเล่าอย่างสั้นๆก่อนว่าสหภาพโซเวียตนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรคือแรกเริ่มเดิมที่มันมีกลุ่มคนกลุ่มนึงที่เรียกว่าชาวสลาฟทีนี้กลุ่มชาวสลาฟเขาก็มีอยู่หลายกลุ่มด้วยกันเขาก็อาศัยอยู่ของเขาไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งชาวสลาฟกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งสามารถตั้งเมืองขึ้นมาได้เมืองหหนึ่งที่บริเวณมอสโกหลังจากนั้นชาวสลาฟกลุ่มนี้ที่มอสโกก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งสามารถตั้งตัวเองเป็นจักรวรรดิรัสเซียหรือว่า Russian Empire ได้ในปี1721 ซึ่งต้องบอกว่าจักรวรรดิรัสเซียชื่อก็บอกว่าเป็นจักรวรรดิแล้วคือมันต้องมีความยิ่งใหญ่

การปฏิวัติของ สหภาพโซเวียต  ซึ่งจักรวรรดิรัสเซียยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่ามีช่วงเวลานึงผืนแผ่นดินทั้งหมดในโลกถ้านำเอามาแบ่งเป็น6ส่วน1ใน6 ตกเป็นของจักรวรรดิรัสเซียเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่มาโดยตลอดจนกระทั่งในปี1917 เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียก็คือการปฏิวัติรัสเซีย โดยมีการล่มล้างราชวงศ์อะไรต่างๆ โดยผู้นำปฏิวัติในตอนนั้นก็คือพรรคที่เรียกว่าพรรคบอลเชวิกมีผู้นำคือวลาดิเมียร์ เลนินแล้วเขาก็ชูแนวคิดอุดมการณ์การปกครองแบบมาร์กซิสซึ่งระบอบการปกครองนี้เขาจะบอกว่าชนชั้นแรงงานคือผู้ขับเคลื่อนประเทศทุกคนในแผ่นดินต้องเท่าเทียมแล้วก็จะมีคำสัญญาทั้งหมด3ข้อที่เราจะคุ้นๆกันก็คือ สันติภาพที่ดินแล้วก็ขนมปัง

ทำให้คนรัสเซียที่ในตอนนั้นมีความอดอยากอะไรต่างๆ  กริลแอร์    จนถึงขั้นลุกมาปฏิวัติรักเลนินมากๆเพราะว่าความหิวมันน่ากลัวแต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากล่มล้างอำนาจเก่าไปแล้วก็คือสุญญากาศทางการเมือง

เพราะว่าพอล่มไปทุกคนก็งงว่าแล้วใครจะขึ้นมาปกครองแทนบางคนก็บอกว่าก็ให้บอลเชวิกปกครองไปสิก็เขาเป็นคนล้มบ้างกลุ่มก็บอกว่าล้มไปดีแล้วแต่ฉันไม่ชอบบอลเชวิกเลยให้คนอื่นปกครองแทนได้ไหมเหตุการณ์นี้นำไปสู่สงครามกลางเมืองรัสซียในช่วงปี1918-922และรัสเซียก็แตกออกเป็นสองฝ่ายก็คือWhite Army กับ Red Army 

ประวัติกีฬาเซปักตะกร้อ

       ประวัติกีฬาเซปักตะกร้อ  สำหรับกีฬาเซปักตะกร้อนั้นเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักมากนักโดยเฉพาะเหล่าบรรดาสาวๆทั้งหลายแต่สำหรับสุภาพบุรุษแล้วใช่ว่ารู้จักกันเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เพราะกีฬาชนิดนี้ก็เป็นอีกกีฬาชนิดหนึ่งที่ถูกจัดให้สามารถเข้าไปแข่งขันในระดับเอเชีย ได้ไม่ว่าจะเป็นกีฬาไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์เองก็มีกีฬาเซปักตะกร้อนี้ไปเป็นกีฬาหนึ่งในการแข่งขัน 

        สำหรับกีฬาเซปักตะกร้อนั้นคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีในนามกีฬาที่ชื่อว่าตะกร้อซึ่งกีฬาชนิดนี้นั้นจะต้องมีผู้เล่นสองฝ่ายคล้ายๆกับการแข่งขันบาสเกตบอลเช่นเดียวกันแต่ว่าลูกบอลที่จะใช้ในการแข่งขันนั้นจะแตกต่างกันออกไปเพราะว่าลูกบาสเกตบอลนั้นจะใช้เป็นลูกทรงกลมคล้ายกับฟุตบอลเป็นลูกที่ผลิตมาจากหนังแต่สำหรับกีฬาตะกร้อนั้นลูกตะกร้อที่ใช้ในการเตะแข่งกันนั้นจะต้องทำมาจากไม้

       อย่างไรก็ตามประวัติความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อหรือกีฬาตะกร้อนั้นว่ากันว่ามีมาตั้งแต่ยาวนานแล้วซึ่งมีหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ว่าสำหรับในประเทศไทยนั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและเป็นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นอีกด้วยโดยผู้เล่นนั้นจะมีการเล่นกันเป็นจำนวนมากและในพื้นที่ที่เป็นบริเวณกว้างในช่วงแรกๆในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นผู้เล่นนั้นใครจะเล่นก็ได้ไม่ได้มีการจำกัดจำนวนผู้เล่นและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการสานเป็นรูปตะกร้อนั้นก็เป็นไม้ที่หาได้ในประเทศไทยนั้นก็คือต้นหวายนั่นเอง

     อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ยังคงมีการถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่ากีฬาเซปักตะกร้อนั้นต้นกำเนิดและมาจากประเทศไหนเพราะมันยังไม่มีหลักฐานที่สามารถบอกได้ชัดว่ากีฬานี้เกิดขึ้นมาจากประเทศใด

เพราะไม่ว่าจะเป็นประเทศฟิลิปปินส์หรือแม้แต่ประเทศพม่ารวมถึงประเทศมาเลเซียและยังมีประเทศไทยนั้นต่างก็บอกว่าประเทศของตนเองนั้นคือแหล่งกำเนิดของการเกิดกีฬาชนิดนี้ 

       สำหรับการแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อนี้ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าใครกันแน่หรือประเทศไหนกันแน่ที่เป็นอันดับแรกในการคิดค้นกีฬาเซปักตะกร้อขึ้นมาเพราะว่าในแต่ละประเทศนั้นก็มีประวัติตั้งแต่รุ่นในอดีต 200-  300 ปีมาแล้วว่ามีการเล่นกีฬาชนิดนี้หรือรู้จักกีฬาชนิดนี้กันมาแล้วนั่นเองดังนั้นปัจจุบันก็ยังกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่แต่ที่แน่นอนก็คือกีฬาเซปักตะกร้อนี้เป็นกีฬาที่เกิดมาจากประเทศซึ่งอยู่ในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน 

     อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรายังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่เป็นต้นกำเนิดของกีฬาตะกร้อนี้หรือไม่แต่เราก็สามารถกล่าวได้ว่านักกีฬาของไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญกับการเล่นกีฬาชนิดนี้เป็นอย่างมากเพราะส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีการไปแข่งขันในระดับซีเกมส์หรือเอเชียนเกมส์นั้นประเทศไทยมักจะเป็นอันดับต้นๆที่ได้แชมป์ในการแข่งขันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  หวยดี

สงครามระหว่างอินเดีย กับ คนขาว ในปีศริสต์ศักราช 1610

ซึ่งที่จริงฝ่ายอังกฤษเป็นง่ายก่อเรื่องก่อนสืบเนื่องจากการเข้าไปตั้งอาณานิคมในครั้งแรกตั้งแต่ปีศริสต์ศักราช1609 ครั้งนั้นเมืองเจมส์ทาวน์ยังเป็นป้อมค่ายเท่านั้นแรกทีเดียวชาวพื้นเมืองก็ต้อนรับอย่างเป็นมิตรมีการค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ซึ่งชาวอินเดียก็นำพวกโลหะและเครื่องใช้ต่างๆมาแลกกับปืนและดินปืนที่คนขาวขนมาจากอังกฤษ

แต่ต่อมาฝ่ายอังกฤษก็เปลี่ยนการแลกสิ่งของมาเป็นอาหารแทนแต่สิ่งที่ชาวอินเดียนำมาแลกนั้นไม่เพียงพอต่อการบริโภคของคนในค่ายเนื่องจากความเติบโตของค่ายแห่งนี้มีผู้คนเดินทางเข้ามาสมทบเรื่อยๆผู้บังคับบัญชาในค่ายในเวลานั้นก็คือ จอห์น สมิธ  สงครามระหว่างอินเดีย

จึงให้คนของเขาออกไปหาเสบียงเอามาเสริมอีกทางจากจุดนี้เอง

ทำให้ชาวอินเดียเริ่มไม่พอใจเพราะนิสัยของคนขาวมีแต่ทำลายเพื่อให้ได้มันมาสิ่งที่ตนเองต้องการซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่โจทย์ จันกันในผู้ชาวอินเดียเผ่าต่างๆจนเกิดความระแวงว่าหากคนผิวขาวออกหาอาหารเอง

พวกเขาก็จะย่ำยีพืชพันธุ์ต่างๆและล่าสัตว์ไม่เหลือจนเกิดความเสียหายต่อการดำรงชีพของพวกเขาจึงพยายามต่อต้านและต่อรองว่าฝ่ายอินเดียจะเป็นผู้นำเสบียงมาขายให้แก่คนขาวเองแต่ไม่นานก็เกิดขาดเสบียงอีกคนขาวจึงออกไปหาเสบียงเองอีกครั้ง

จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับคนพื้นเมืองจนบางครั้งก็ใช้อุบายปล้นเสบบียงของพวกเขามาเฉยๆและถึงกับเผากระท้อมชาวพื้นเมืองเพื่อเบนความสนใจสิ่งนี้ทำให้ฝ่ายอินเดียไม่พอใจและยกทับไปปิดล้อมป้อมของคนขาวเป็นเวลานานหลายเดือนตัดน้ำตัดอาหารจนคนในป้อม

เริ่มอดยากและล้มตายด้วยความหิวโหยเมื่อข่าวนี้ไปถึงเกาะอังกฤษ  alpha88    ทางอังกฤษเกรงการตั้งอาณานิคมล้มเหลวจึงส่งข้าขุนหลวงคนใหม่คือโทมัสเกตมาดูฉลแต่การมาของโทมัสเกตกับยิ่งสร้างปัญหาให้ขยายมากขึ้นเมื่อเริ่มใช้นโยบายตาต่อตาฟันต่อฟันสงครามจึงได้เริ่มต้นขึ้น

เพราะฝ่ายอินเดียเริ่มเห็นสัญญาณการก่อตัวของอาณานิคมขึ้นไม่ใช่แขกผู้มาเยือนอีกต่อไปสงครามระหว่างอินเดียกับคนขาวที่ค่ายเจมส์ทาวน์ดำเนินเริ่มขึ้นในปีศริสต์ศักราช 1610 โดยรบกันไปเจรจากันไปแต่ก็ไม่เกิดผลดๆจนกระทั่งได้มีการก่อตั้งเป็นเมืองเจมส์ทาวน์ขึ้น

ส่วนฝ่ายอินเดียก็พัฒนาขึ้นมาเป็นกลุ่มสหพันธ์เนื่องจากการรวบรวมเอาชนเผ่าอินเดียเผ่าต่างๆเอามาร่วมเป็นพันธมิตรกับเผ่าที่เป็นคู่ศึกโดยตรงตั้งแต่ต้นกระทั่งถึงปีคริสต์ศักราช 1622 ที่สหพันธ์โพวทานบุกเข้าโจมตีเจมส์ทาวน์จนสำเร็จและสังหารผู้คนในเจมส์ทาวน์ล้มตายไปเกือบ400 คน

corpus callosum อัตราการพัฒนาที่เร็วขึ้น

นอกจากนี้ อัตราการพัฒนาที่เร็วขึ้น จำนวนความพยายามทางวาจาที่มากขึ้น ตลอดจนการปรับปรุงที่สำคัญในจำนวนคำที่พูดในสภาพแวดล้อมที่บ้าน อาจมีส่วนสนับสนุนให้เด็กมีแรงจูงใจในการทำงานให้เสร็จสิ้น

เมื่อมีท่วงทำนองและจังหวะ ดำเนินการ  corpus callosum   ดังนั้น หากบุคคลที่มีความหมกหมุ่นแสดงจุดแข็งในงานที่เกี่ยวข้องกับซีกสมองซีกขวา เช่น ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ก็อาจคาดว่าบุคคลที่มีความหมกหมุ่นอาจแสดงความสัมพันธ์ในงานที่เกี่ยวข้องกับดนตรีและจังหวะ Sandiford, Mainess และ Daher ยังคงอธิบายต่อไปว่า “การวิจัยบ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของเส้นใยใน corpus callosum ในผู้ที่สัมผัสกับเสียงเพลง อาจทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ดีขึ้น” จึงอธิบายว่า corpus callosum

เป็นอย่างไร พื้นที่ความบกพร่องในเด็กออทิสติกสามารถช่วยได้มากกับ MBCT ตัวอย่างนี้ใช้การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมของเด็กออทิสติก 12 คน เพื่อแสดงศักยภาพของการใช้ดนตรีบำบัด มุมมองทางกายวิภาคของการประเมินผลกระทบของดนตรีบำบัดสนับสนุนข้อโต้แย้งว่าดนตรีบำบัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เด็กสื่อสารได้อย่างเหมาะสมและซึมซับเข้าสู่สังคมได้ดีขึ้น

อีกตัวอย่างหนึ่ง ดนตรีบำบัด Orff-Schulwerk (การบำบัดด้วย Orff) เป็นการบำบัดที่อิงจากการเลียนแบบ การสำรวจ ด้นสด และการจัดองค์ประกอบ เมื่อเทียบกับการมุ่งเน้นของ MBCT ในการสื่อสารภายนอก

การบำบัดด้วย Orff ช่วยพัฒนาความเข้าใจในตนเองเพื่อให้เกิดอัตลักษณ์ส่วนบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลโดยการฝึกความคิดสร้างสรรค์และความเป็นธรรมชาติในสภาพแวดล้อมที่แสดงออก ในสถานพยาบาล นักบำบัดด้วยดนตรีที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถเล่นหรือร้องเพลงให้เด็กได้ จากนั้นจึงมอบเครื่องดนตรีให้เด็กได้มีส่วนร่วมในขณะที่นักบำบัดโรคเล่นเพลงซ้ำเพื่อเสริม “คำตอบ” ของเด็ก การมีปฏิสัมพันธ์ในลักษณะนี้ เป็นไปได้ที่นักบำบัดโรคจะจัดหาวิธีการทางดนตรีและเล่นให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์

โดยเฉพาะนาบิโอลเลาะห์ et. อัล (2015) อธิบายการศึกษาของเด็กออทิสติกระดับปานกลางถึงปานกลางจำนวน 27 คน ที่เข้าร่วมในดนตรีบำบัด Orff-Schulwerk สองครั้งต่อสัปดาห์: “กิจกรรมทางดนตรีดำเนินการตามวิธี Orff-Schulwerk ด้วยความช่วยเหลือของนักบำบัดทางดนตรีสองคนในองค์ประกอบของการได้ยินดนตรี ร้องเพลงและปรบมือ” 

เนื่องจากการสื่อสารในกลุ่มบำบัดของ Orff อยู่ในรูปแบบของเพลงและบทสวด วิธีนี้จึงเน้นที่จังหวะของคำพูดและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้วิธี Orff–Schulwerk ถือเป็นอวัจนภาษา ดังนั้นจึงสามารถอธิบายได้ด้วยว่าเนื่องจากวิธีการของ Orff เน้นที่องค์ประกอบอวัจนภาษา จึงสามารถปรับปรุงพฤติกรรมอวัจนภาษาที่ไม่ดีของเด็กออทิสติกและนำไปสู่การเพิ่มพูนทักษะทางสังคมของพวกเขา

สำหรับเด็กออทิสติกขั้นรุนแรงที่มีความบกพร่องในทักษะพื้นฐานโดยกำเนิดในการสื่อสาร ดนตรีให้บริบทและเครื่องมือสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์และการพัฒนาซึ่งกันและกัน ซึ่งช่วยเพิ่มการขาดการแบ่งปันและการพลิกกลับในการบำบัดด้วยการเล่นแบบดั้งเดิม

 

สนับสนุนโดย  alpha88

หมดถ่ายภาพ A ใช้ได้กับทุกกล้อง ทุกรุ่น สอนแบบลงมือทำจริง

วันนี้เราจะมาสอนความเข้าใจขั้นพื้นฐาน ที่เป็นทิดสะดี แล้วจากนี้นเราก็มาลองลงมือ ทำกับแบบจริงๆกันเลย โดยโจทย์วันนี้ก็จะเป็นการสอนฝึกถ่ายภาพ ของน้ำตกจากนั้นก็จะใช้ทั้งสาม โหมดนี้  หมดถ่ายภาพ A  เรารับประกันเลยว่าถ้าอ่านจบทั้งหมดที่แนะนำนี้ คุณจะเข้าใจพื้นฐานและสามารถที่จะถ่ายภาพได้ทั้งหมดแน่นอน

โหมด A , Aperture Priority

โหมด A ถือได้ว่าเป็นโหมดกึ่งอัตโนมัติที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด ชื่อเต็มก็คือ โหมด A , Aperture Priority โดยเหตุผลที่เราจะต้องบอกชื่อเต็ม เพราะว่าเราจะได้เข้าใจว่าโหมดนี้มีการตั้งชื่อไปทำไม มีเหตุผลอย่างไร โหมด Aคือกล้องจะให้เราตั้งค่ารูรับแสงเองนะ คือว่าเขาจะรับค่ารูรับแสงตามแบบที่เราต้องการ

ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เราถ่ายภาพพอตเทรต เราอยากจะละลายหลัง เยอะๆใช่ไหม เราก็จะตั้งแบบรูรับแสง f1.4 ค้างไว้ตลอดนะ ที่เหลือกล้องเขาจะเซ็ตให้เรา ถ้าเป็น iso เราก็จะสามารถุที่จะตั้งออโต้ได้ หรือว่าถ้าเป็นเชสเตอร์สปีด กล้องก็จะคำนวณให้เลย

เพราะฉะนั้นเวลาที่เราถ่ายภาพอะไรก็ตาม ที่เราอยากที่จะเน้นไปที่ละลายฉากหลัง หรือเราเจาะจงแล้วว่าเราอยากได้ รูรับแสงเท่านี้ตลอดการถ่ายภาพนะ เราก็ควรที่จะเลือกใช้ แค่ โหมด A ก็พอนะ เราก็ถ่ายรูปไปเลย ที่เหลือกล้องเขาจะคิดให้ โหมดนี้อ่ะจริงๆใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพพอตเทรต ที่เป็นภาพบุคคลหรือว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวนี่แหละ

แล้วเราไม่อยากคิดอะไรเยอะ อยากได้รูรับแสงที่ละลายหลังสวยๆ แบบนี้ก็ตั้งเอาไว้เลย แล้วเดินถ่ายภาพเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก

 เวลาที่เราถ่ายจริง เวลาที่เราทำการถ่ายภาพนั้นเราก็จะกำหนด ว่าเรานั้นอยากที่จะได้การละลายฉากหลังเท่าไหร่ ถ้าเราเปิดไปที่ f2.8 มันก็จะละลายหลัง เยอะเหมือนกัน เราก็ต้องลองที่จะตั้งดู จากนั้นก็ลองกดดู จากนั้นก็ลองถ่ายเทียบกับ ขนาดอื่นๆดู จะได้มองว่าตนนั้นชอบขนาดได้กันแน่

แต่สำหรับตัวของเรามองว่า f8 นั้นมันมีภาพที่ชัดทั้งภาพ การละลายมันจะค่อนข้างน้อย ถ้าเป็น f2.8 นั้นมันจะเบลอเยอะกว่า ซึ่งสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดที่สำคัญว่าเราควรที่จะเลือกโหมดเอนั้นไปใช้กับอะไร นั่นก็คือเราจะเน้นไปที่การละลายฉากหลัง ไม่ว่าจะถ่ายภาพไหนการตั้งค่าจะทำให้กล้องจับจุดให้เองอัตโนมัติ

ยิ่งเราตั้งค่ารูรับแสงน้อยเท่าไหร่ ตัวชัดเตอร์ก็จะตั้งค่าชัดเตอร์สปีดให้เองเรียบร้อย ยิ่งถ้าตั้งออโต้ด้วยแล้ว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยจับยี่กี

ความโหดเฮี้ยมของ อลิซาเบธ บาโธรี่

อลิซาเบธ บาโธรี่ หลังจากที่เธอนั้นได้แต่งงงานและได้ของขวัญอย่างมากมายโดยของขวัญแต่งงานชิ้นที่เธอนั้นได้จากสามีของเธอก็คือปราสาทหลังใหญ่

ซึ่งในปราสาทนี้แหละต่อมามันก็จะเป็นเหมือนกับสวนสนุกที่ทำให้เธอได้สนุกกับการทรมานหญิงสาวต่างๆปัจจุบันนี้ปราสาทหลังนี้ได้อยู่ที่ประเทศสโลวาเกียแต่ก็มีลักษณะสภาพที่ผุพังแล้วใครที่จะไปเที่ยวก็ต้องจินตนาการกันใหม่ว่าในสมัยก่อนมันลักษณะเป็นอย่างไร

 

นอกจากนี้หลังจากที่อลิซาเบธ บาโธรี่ได้แต่งงานแล้วและได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการปกครองการเมืองเนื่องจากว่าสามีของเธอนั้นจะต้องออกไปข้างนอกอยู่บ่อยๆเพราะว่ามันเป็นช่วงยุคสมัยที่ฮังการีไปทำการรบกับออตโตมันดังนั้นหน้าที่ในการดูแลบ้านเมืองจึงได้ตกมาอยู่ในมือของ อลิซาเบธ บาโธรี่ 

ซึ่งฝีมือในการปกครองบ้านเมืองของเธอนั้นว่ากันว่าเธอทำได้ดีเลยทีเดียวประชาชนของเธอในสมัยนั้นก็เรียกได้ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากขัดกับอาณาจักรต่างๆรอบๆที่เศรษฐกิจค่อนข้างขาดแคลนประชากรไม่มีอะไรกินและที่มันได้เป็นแบบนี้ก็เพราะส่าสามีของ อลิซาเบธ บาโธรี่ เปย์หนักมาก

โดยสามีของเธอนั้นบอกเลยว่ามีฝีมือในการรบมากจนได้ฉายาว่าอัศวินดำกล่าวก็คือแค่หน้าตาของสามีเธอก็สามารถที่จะข่มศัตรูได้แล้วทุกครั้งที่ได้ออกไปรบก็จะนำสมบัติต่างๆนานามาให้นางถึงแทบเท้ากันเลยจึงทำให้นาง อลิซาเบธ บาโธรี่ ได้มีกินมีใช้อย่างไม่ขาดสายอาณาจักรเรียกว่าอยู่ได้ถึงขนาดที่ว่าได้มีอาณาจักรอื่นมากู้เงินเพื่อไปใช้ในดินแดนของเขาอีกด้วยเราได้เล่าให้ฟังว่าอาณาจักรของอลิซาเบธ บาโธรี่นั้นร่ำรวยขนาดไหน

เนื่องจากนี้เรามาดูในเรื่องของความโหดของ อลิซาเบธ บาโธรี่ กันดีกว่าว่ากันว่าคนที่เปลี่ยนจาก อลิซาเบธ บาโธรี่ ให้กลายมาเป็นนักทรมานก็คือสามีของเธอนั่นแหล่ะที่ได้มอบกุญแจไขเข้าไปสู่โลกของความมืดสามีของนางเขาก็ได้เริ่มสอนวิธีต่างๆแนะนำการทรมานทั้งหลายให้แก่ อลิซาเบธ บาโธรี่ ยกตัวอย่างเช่นเอากระดาษไปชุบน้ำมันไปวางที่ง้ามขาของผู้เคราะห์ร้ายแล้วก็เริ่มเผา

ดังนั้นผู้เคราะห์ร้ายก็จะเริ่มร้องโหยหวยเมื่อได้เห็นไฟมันได้ลุกเข้ามาใกล้ๆเท้ามากขึ้นหรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็อย่างเช่นสามีของเธอนั้นได้ซื้อของขวัญให้เธออีกชนิดหนึ่งให้นางนั่นก็คือถุงมือกรงเล็บโดยอลิซาเบธ บาโธรี่ได้ใช้ถุงมือนี้ขุดเอาเนื้อหนังของผู้ที่ถูกทรมานนานวันเข้าเธอได้ยินเสียงทรมานพวกนี้เธอก็รู้สึกชอบใจและก็เพิ่มความดหดเข้าไปอีก

 

สนับสนุนโดย.    aecasino