คลังเก็บป้ายกำกับ: v9bet

ตำนาน จ้าววังโนราห์ จระเข้ยักษ์กินคน แห่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี 

       เกี่ยวกับตำนานของจระเข้กินคนนั้นมีมากมายหลายตำนานด้วยกันและแต่ละตำนานนั้นก็อยู่กันคนละจังหวัดเช่นจังหวัดพิจิตรที่เป็นตำนานของจระเข้ยักษ์ชาละวัน  รวมถึงตํานานจระเข้ที่จังหวัดสมุทรสงคราม  และตำนานจระเข้ยักษ์กินคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี   ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงตำนานจระเข้กินคนของจังหวัดสุราษฎร์ธานีกัน 

          เรื่องราวของจระเข้กินคนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้เกิดขึ้นที่คลองอิปัน ซึ่งเป็นคลองที่แยกออกมาจากแม่น้ำตาปี  ดูลักษณะของคลองอีปันนี้จะเป็นลักษณะของคลองที่มีความคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก โดยในอดีตนั้นที่คลองแห่งนี้มีจระเข้มากมายหลายร้อยชีวิต เป็นแหล่งที่จระเข้ชุกชุมมากอันดับหนึ่งของภาคใต้เลยก็ว่าได้

ซึ่งที่คลองแห่งนี้มีการเรียกขานกันว่าเป็นวังโนรา ส่วนสาเหตุที่มีการเรียกร้องแห่งนี้ว่าวังโนรานั่นก็เพราะว่าในสมัยก่อนนั้นมีเรือสำเภาบรรทุกคณะมโนราห์แล่นผ่านมาที่คลองอิปัน ในขณะที่เรือสำเภากำลังแล่นไปในคลองอยู่นั้นจู่ๆก็มีจระเข้ตัวใหญ่มหึมาจู่โจมเรือสำเภาจนทำให้เรือสำเภาที่นั่นมานั้นเกิดร่วมลงผู้คนที่เป็นนักแสดงโนราต่างตกลงไปในแม่น้ำ

              และเป็นสาเหตุให้จระเข้ที่อยู่ในคลองดังกล่าวนั้นต่างพากันรุมกัดกินเนื้อของคนที่อยู่ในแม่น้ำจนหมดสิ้น  โดยชาวบ้านเล่าลือกันว่าตอนที่จระเข้กินคนที่ตกลงไปในคลองนั้นแม่น้ำทั้งสายต่างเป็นสีแดงเหมือนแม่น้ำเลือดเลยทีเดียว และนับตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านจึงได้เรียกคลองแห่งนี้ว่าวังโนราจระเข้ที่ได้มีการล่มเรือสำเภาจนสามารถกินคนบนเรือสำเภาได้ทั้งหมดนั้นชาวบ้านเรียกว่าจ้าววังโนราห์  

และนี่คือตำนานของจ้าววังโนราห์จระเข้กินคน สาเหตุที่ชาวบ้านต่างเรียกจระเข้ตัวนี้ว่าเป็นจระเข้ยักษ์นั่นก็เพราะว่าจระเข้ตัวนี้สามารถล่มเรือสำเภาซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆได้ดังนั้นโดนจระเข้ก็ต้องมีความใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับเรือสำเภาเลยทีเดียวถึงสามารถที่จะทำให้เรือสำเภาคว่ำกลางแม่น้ำลำคลองได้นั่นเอง  หลังจากนั้นก็ยังคงมีเหตุการณ์ที่ชาวบ้าน ถูกจ้าววังโนราจะกินอยู่เป็นประจำ 

              สร้างควาหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก  ว่ากันว่าจ้าววังโนรา ติดใจในรสชาติของเนื้อมนุษย์จึงได้ออกอาละวาดจะกินเนื้อมนุษย์ที่สัญจรผ่านไปมาในคลองแห่งนี้อยู่เป็นประจำ ในที่สุดผู้ใหญ่บ้านก็ได้มีการประกาศสร้างคนมาปราบจระเข้ยักษ์กินคนอย่างไรก็ตามในที่สุดก็มีคนสามารถปราบจระเข้จ้าววังโนราห์นี้ได้โดยคนสักจระเข้นั้นชื่อว่าโอม  ชุมทอง  และหลังจากนั้นชื่อของ จ้าววังโนราก็กลายมาเป็นตำนานของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

สนับสนุนโดย  v9bet

ตำนานที่มาของอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จังหวัดในภาคใต้ของไทย

         เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของอำเภอตากใบ ซึ่งเป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้กันมาบ้างแล้ว จากหน้าหนังสือพิมพ์ หรือตาสื่อออนไลน์และทางทีวี ที่นักข่าวจะมีการทำข่าวดังของอำเภอนี้ในช่วงเวลาหนึ่งที่เคยมีข่าวเกี่ยวกับการปราบปรามโจรใต้ที่โด่งดังอยู่ช่วงหนึ่งนั่นเอง ซึ่งอำเภอที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส และวันนี้เราจะมาค้นหาความเป็นมาของอำเภอนี้กันว่า ทำไมที่นี่ถึงเรียกว่าอำเภอตากใบ  

         สำหรับเรื่องเล่านี้ถือว่าเป็นตำนานประจำภาคใต้ที่มีการบอกเล่าต่อต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านทางนิทานปรัมปราพื้นบ้านของภาคใต้ โดยมีการพูดถึงในสมัยก่อนว่ามีพ่อค้าชาวจีนท่านหนึ่งเขานำสินค้าจากเมืองจีนล่องเรือตามแม่น้ำมาเพื่อหวังที่จะนำมาขายในพื้นที่ในเขตมลายู

ซึ่งในขณะนี้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ไทยและจีนทำการค้ากัน มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่พ่อค้าชาวจีนกำลังขนของที่จะนำมาค้าขายกับไทยและกำลังล่องเรืออยู่นั้น ซึ่งตรงจุดนั้นใกล้ที่จะถึงกับจุดที่จะทำการค้าขายกันอยู่แล้วปรากฎว่ามีฝนตกกำหน่ำลงมารุนแรงมาก

เป็นผลให้คลื่นซัดเรืออย่างหนักพ่อค้าเห็นท่าไม่ดีจึงได้ให้คนงานในเรือชักใบเรือลง เพราะเกรงว่าใบเรือจะขาดแต่พอหลังจากนั้นไม่นานคลื่นก็ซัดทำเรือของพ่อค้าชาวจีนพัง ข้าวของที่ขนมาไว้บนเรือเพื่อจะเอาไว้ขายก็กระจัดกระจายลงสู่ก้นของท้องทะเลทางด้านลูกเรือและพ่อค้าชาวจีนก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าฝั่ง

ซึ่งทั้งหมดได้ว่าไปที่เกาะแห่งหนึ่งโดยที่พวกเขานั้นไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่เมื่อขึ้นไปแล้วพบว่าที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อรอดชีวิตกันแล้ว พ่อค้ากับคนงานของเขาต่างก็พากันเก็บเครื่องถ้วยชามและเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายลอยน้ำมาติดที่ฝั่งแล้วนำไปตากไว้ตามต้นไม้บนเกาะ

ซึ่งสิ่งที่นำไปตากนั้นมีใบเรือรวมอยู่ด้วย ในขณะนั้นเองได้มีชาวบ้านที่เป็นคนมลายูได้มาตัดไม้ที่บริเวณใกล้ใกล้กับจุดที่พ่อค้าตากผ้าอยู่ ชาวบ้านคนนั้นจึงทำทีว่ามาตัดต้นไม้ต้นเดียวกับที่พ่อค้าตากผ้าเพราะหวังว่าจะเอาผ้าที่ติดกับกิ่งไม้ไปด้วย

ปรากฏว่าพ่อค้าและคนงานมาเห็นเข้าจึงได้เข้าจับกุมชายชาวมลายู แต่ชายคนดังกล่าวขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ประพฤติตัวแบบนี้อีก พ่อค้าจึงปล่อยตัวไป และพ่อค้าและคนงานก็อาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนั้นเรื่อยมาและมีการเรียกที่พวกเขาอยู่ว่าตากใบ เพราะภาพที่เขาเอาใบเรือไปตากนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  v9bet