คลังเก็บหมวดหมู่: ประวัติศาสตร์

สัตว์ที่มีความลึกลับที่เรายังเกิดไม่ทัน

Shark Ahoy

เมื่อในปี2010ทางด้านกูเกิลเอิร์ธนั้นได้สามารถจับรูปภาพของเจ้าปลาฉลามที่มีความลึกลับได้ที่ท่าเรือ ซึ่งถ้าหากว่าเรานั้นได้มองรูปภาพแล้วนั้นเราก็จะเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นรูปของเจ้าปลาฉลามที่มันได้มีรูปลักษณ์ที่ดูผิดจากปกติขนาดใหญ่ นอกจากนี้ทางด้านนักวิเคราะห์ก็ได้สันนิษฐานว่าเจ้าปลาฉลามตัวนี้

มันอาจจะมีระดับความยาวประมาณ35ฟุตกันเลยที่เดียวแต่สิ่งที่มันดูแปลกไปจากนั้นก็คือมันไม่มีจดบันทึกในส่วนของข้อมูลอะไรเอาไว้เลยที่มันจะดูเหมือนกับเจ้าปลาฉลามลักษณะแบบนี้เลย และเจ้าสิ่งนี้มันอาจจะดูเหมือนกับเป็นปลาฉลามที่อยู่ในยุคของโบราณที่มันยังคงหลงเหลือและมีชีวิตอยู่ใต้ท้องน้ำมหาสมุทรมันก็อาจจะเป็นไปได้

ปลาโบว์โร่

สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่ายานUFOและเหล่าซอมบี้ ผี หรือ มนุษย์ต่างดาว ที่มันได้เป็นเรื่องราวที่ฟังดูน่ากลัวแล้วละก็สิ่งที่มันมีชีวิตเหล่านี้มันก็มองดูว่าน่ากลัวไม่แพ้กัน ซึ่งโดยนักวิศวะกรคนหนึ่งก็ยังได้บอกอีกด้วยว่าในขณะที่เขานั้นกำลังใช้งานของกูเกิลเอิร์ธอยู่นั้นเพื่อทำการสำรวจทางเรืออีฟบอล จากนั้นตัวของเขาเองก็จะได้ตกตะลึ่งกับภาพรูปหัวปลาที่มีขนาดใหญ่ที่มันได้หลบอยู่ที่ใต้ผิวน้ำ

ซึ่งมันได้มีรูปลักษณะที่ดูคล้ายกับเจ้าปลาโบวโร่เนื่องจากว่าเจ้าปลาชนิดนี้ได้ชอบแอบอยู่ที่ใต้มหาสมุทรลึกมันได้เป็นปลาที่ชอบหลบซ้อนตัวจากนั้นมันก็การโจมตีสัตว์เล็กที่ได้ผ่านหลุมที่มันซ่อนตัว นอกจากนี้ในการพบเห็นเจ้าปลาโบว์โร่นั้นมันก็ยังต้องเป็นการค้นหาคำตอบอยู่ต่อไปว่ารูปภาพเหล่านี้มันได้เป็นรูปภาพที่แท้จริงหรือว่ามันจะเป็นแค่เพียงรูปภาพตัดต่อเท่านั้น

Nessie

เนื่องจากใต้ท้องทะเลแห่งนี้มันเต็มไปด้วยความลึกลับเยอะแยะมากมายรวมไปถึงสิ่งที่มีชีวิตที่พวกมันได้หลบซ่อนและอาศัยอยู่ที่นั่นแต่ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการสำรวจและค้นพบอีกเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้มีรูปภาพปริศนาที่ถูกถ่ายภาพได้จากทางด้านกูเกิลเอิร์ธ เนื่องจากรูปภาพที่ได้เห็นกันอยู่นี้

ยังได้มีการวิเคราะห์แล้วว่ามันได้เป็นสัตว์ที่มีความลึกลับที่มันได้มีชื่อเรียกกันอยู่ว่าเนสซีจากดังรูปภาพที่ได้เห็นมันจะมีลำตัวที่ใหญ่ที่มันได้ว่ายอยู้ใต้ผิวน้ำเนื่องจากมมันได้ดูคล้ายคลึงกับล็อคเนสมอนสเตอร์ สำหรับเรื่องของเจ้าล็อคเนสมอนสเตอร์นี้มันได้เกิดเรื่องขึ้นเมื่อ1,500ปีมาแล้ว

ตำนานหอคอยเลือด  Bloody Tower 

           ที่เมืองลอนดอนประเทศอังกฤษนั้นมักจะมีตำนานเล่าขานกันสืบนารายณ์ตำนานซึ่งหนึ่งในตำนานที่ผู้คนต่างสนใจและยังคงหลอกหลอนผู้คนมาจนถึงปัจจุบันหนึ่งในตำนานนั้นก็คือวิญญาณเจ้าชายที่อาศัยอยู่ที่หอคอยเลือดหรือที่เราเรียกกันว่า  Bloody Tower ที่แห่งนี้

มีเรื่องเล่ามายาวนานตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ที่มีการสืบทอดบัลลังก์ร่วมกันกับเจ้าชายริชาร์ดทั้งสองพระองค์เป็นพี่น้องที่จะต้องมีการสืบทอดบัลลังก์ต่อจากเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 4 แต่มีประวัติเป็นมาเล่าว่าทั้งสองพระองค์ได้หายตัวไปหลังจากที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ตายไปไม่นาน

โดยหลายคนเชื่อกันว่าทั้งสองพระองค์ถูกนำไปฆ่าเนื่องจากในตอนนั้นทั้งสองพระองค์ยังเป็นแค่เพียงเด็กน้อยที่ไม่สามารถต่อกรกับใครได้ทำให้ผู้ที่ต้องการอำนาจต่างก็พากันเยอะแยะ

อำนาจที่ต้องการครองบัลลังก์จึงได้มีการรักตัวรัชทายาททั้งสองพระองค์ไปฆ่าทิ้งและที่เป็นตำนานเล่าขานถึงความเฮี้ยนของหอคอยแห่งนี้เนื่องจากชาวอังกฤษเชื่อว่าวิญญาณของเจ้าชายทั้งคู่ยังคงรอคอยการแก้แค้นที่หอคอยเลือดแห่งนี้

ซึ่งมีคนเล่าว่าหากใครเดินมาที่หอคอยแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนแล้วก็คุณจะเห็นกับเด็กน้อย 2 คนหน้าตาน่ารักอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ทั้งสองคนจะจูงมือกันเดินไปเรื่อยๆแล้วอยู่ๆทั้งสองคนก็จะเดินหายไปเข้าไปในกำแพงของหอคอยเลือด และถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเพียงตำนานการเล่าต่อๆกันมาแต่ก็มีข้อสันนิษฐานที่คาดการณ์กันได้ว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงเนื่องจากว่าในปีพุทธศักราช 1684 ได้มีช่างเดินทางมาซ่อมหอคอย

เนื่องจากหอคอยมีการทรุดโทรมมานานหลายปีซึ่งช่างที่เข้ามาซ่อมแซมได้มาเข้าซ่อมแซมทางฝั่งใต้ของหอคอยและพวกเขาก็ต้องตกลงเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าพวกเขาได้พบกับหัวกระโหลกของเด็กน้อยจำนวน 2 หัวด้วยกันและเมื่อเรื่องนี้มีการแพร่ไปประชาชนชาวอังกฤษต่างก็เชื่อกันว่าหัวกะโหลกทั้งสองหัวนั้นน่าจะเป็นหัวเข่าของเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์ที่หายสาปสูญไป

และถึงแม้ชาวเมืองต่างก็พากันทำบุญสวดมนต์ให้กับเจ้าชายทั้ง 2 คนเพื่อให้เจ้าชายได้ไปสู่สุคติแต่ใครก็ตามที่เดินมาวนเวียนที่หอคอยแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืนต่างก็ยังพบเจอวิญญาณของเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์ที่มักจะมาเดินและวิ่งเล่นรอบๆบริเวณหอคอยจึงทำให้หอคอยแห่งนี้กลายเป็นหอคอยที่เป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมากๆเป็นหอคอยที่มีความเพียรมากที่สุดหอคอยหนึ่งในประเทศอังกฤษซึ่งทางเมืองต่างก็จะหลีกเลี่ยงการเดินทางมาที่หอคอยนี้ในช่วงเวลากลางคืนผมไม่ต้องการเจอกับเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์นั้นเอง 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  dewabet

หลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีให้เห็น

หลุมน้ำเงินครามแห่งเบลิซ

สำหรับหลุมดังกล่าวนั้นได้เรียกกันว่าหลุมน้ำเงิน ซึ่งมันได้เป็นสีที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและยังได้มีความที่โดดเด่น หากไม่ว่าเราจะมองยังไง ใครที่ได้มองเห็นต่างก็จะคิดกันว่ามันได้เป็นหลุมอย่างแน่นอน และสำหรับหลุมดังกล่าวนั้นได้อยู่ออกห่างจากเกาะเบลิซประมาณเพียงแค่70กิโลเมตร เนื่องจากสถานที่แห่งนี้จึงได้มีรูปลักษณะที่เป็นทรงกลมที่ได้มองดูมันเกือบจะสมบูรณ์ นอกจากนี้หลุมดังกล่าวนั้นยังได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ300เมตร และได้มีความลึกอยู่ที่ประมาณ124เมตร

ทั้งนี้ยังได้เชื่อกันว่าที่หลุมดังกล่าวนั้นมันได้เป็นหลุมที่อยู่กลางทะเลที่มันเป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในท้องทะเล เนื่องจากนี้ยังได้มีการวิเคราะห์ว่ามันอาจจะเกิดการก่อตัวขึ้นในช่วงของยุคน้ำแข็ง ซึ่งหลุมวงกลมนั้นได้มีความลึกของระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ100-120เมตร ทั้งนี้มันยังได้ต่ำไปกล่าวในปัจจุบัน ซึ่งวิเคราะห์แล้วว่าเดิมที่เริ่มแรกนั้นหลุมแห่งนี้มันยังได้เคยเป็นถ้ำมาก่อนแล้ว

เมื่อเวลาผ่านนานไประดับน้ำมันก็สูงขึ้น จึงทำให้มีน้ำที่สูงกว่าตัวถ้ำทั้งหมดจากนั้นเพดานก็ยังถูกน้ำกัดทำให้เพดานนั้นได้ถล่มลงไปและเกิดการยุบตัวลงเป็นอย่างมากมันก็เลยเกิดเป็นหลุมดังกล่าวอย่างที่เรานั้นได้มองเห็นกัน นอกจากนี้ในหลุมดังกล่าวนั้นหากได้ลงไปที่ระดับน้ำความลึกประมาณ40เมตรมันก็จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ24องศาเซลเซียส ในทุกๆปี บอกได้เลยว่าเย็นสบายเลยทีเดียว

นอกจากนี้สถานที่ที่ได้เป็นหลุมสีน้ำเงินนั้นยังได้มีนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาดำน้ำ ณสถานที่แห่งเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็ยังได้จบชีวิตของตัวเองเอาไว้ที่หลุมแห่งนี้เหมือนกัน เนื่องจากนี้ที่สาเหตุที่มันได้เกิดขึ้นมาแบบนั้นมันก็เพราะว่าในหลุมนั้นหากได้ดำน้ำลงไปอยู่ที่ประมาณระดับความลึกประมาณ60เมตร นอกจากนั้นมันก็จะทำให้มีอาการเหมือนเมาไนโตรเจนเมื่อได้ดำลงไปที่ระดับ60เมตร จากนั้นมันจะทำให้หมดสติ สำหรับในการที่จะดำน้ำลงไปในทุกๆ10เมตรนั้นจากนั้นถ้าหากว่าเรานั้นได้ดำลงไปที่ระดับความลึกที่มากขึ้นแล้ว

ซึ่งมันจะทำให้ไนโตรเจนที่มันได้มีอยู่บนอากาศนั้นไปมีการละลายเข้าไปในเนื้อเยื่อที่จะเข้าไปสู่ของเหลวที่อยู่ในร่างกาย หากคุณดำน้ำลึกลงไปมากเท่าไรมันก็จะจึงใช้ระยะเวลาที่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มันก็จะทำให้ปริมาณของไนโตรเจนนั้นมันก็จะมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งสำหรับไนโตรเจนนี้มันก็ยังได้เป็นสาเหตุที่เกิดอาการเมาเพราะถ้าหากว่ามันมีปริมาณที่มากจนเกินไปมันก็อาจจะทำให้เรานั้นไม่มีสติได้เช่นกัน

รถยนต์ของผู้นำต่างประเทศจะเป็นอย่างไร

การที่ได้เป็นนายกหรือประธานาธิบดีนั้น ซึ่งจะได้เป็นคนที่ได้ดำรงในตำแหน่งของผู้นำประเทศที่สำคัญมากที่สุดแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นในการที่นายกหรือประธานาธิบดีนั้นที่จะไปปรากฏตัวอยู่ในท้องที่ต่างๆมันก็จะต้องมีการรักษาความปลอดภัยอีกทั้งยังรวมไปถึงยานพาหนะที่ใช้ส่วนตัวที่จะต้องใช้สำหรับในการเดินทางไปที่ต่างๆด้วยกัน

ซึ่งรถแต่ละคันนั้นจะไม่เน้นไปที่ความหรูแต่จะคำนึงไปถึงความปลอดภัยในตลอดเส้นทางอีกด้วย  เนื่องจากนี้ประเทศที่เป็นมหาอำนาจส่วนใหญ่แล้วนั้นมักจะชอบมีความชัดแย้งมากที่สุดและสำหรับในวันนี้จะพาทุกคนมาดูรถยนต์ของนายกแต่ละคนนั้นจะมีรูปลักษณะอย่างไรมาดูกัน

ประเทศฝรั่งเศษ/Citroen DS7 Crossback

สำหรับประเทศฝรั่งเศษที่ได้เป็นดินแดนแห่งน้ำหอมที่ไม่ได้โด่งดังเพียงแค่น้ำหอมแต่เพียงเท่านั้นแต่มันยังได้มาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ผลิตด้านรถยนต์อีกด้วยดังนั้นในวาระในการที่จะเลือกแบนรด์ที่จะนำเอามาใช้ในการปกติบัติงานจึงได้มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามความชอบของประธานาธิบดีโดยสำหรับEMMANUEL MACRONประธานาธิบดีคนล่าสุดนั้น

เขาก็ได้เลือก DS AUTOMOBILESที่ได้อยู่ในภายใต้ในการดูแลของแบนรด์รถยนต์ระดับหรู Citroenได้เลือกนำเอามาเป็นรถประจำตำแหน่งเป็นคันแรกโดยจะเลือกเป็นรถยนต์รุ่น DS7 Crossbackสำหรับรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีEMMANUEL MACRONนั้นก็ได้ถูกนำเอามาปรับแต่งเพื่อเป็นความปลอดภัยด้วยการที่ติดเกาะกันกระสุนให้รอบคันแถมยังได้เพิ่มความสวยงาม

และมีความหรูหราด้วยการพ่นสีน้ำเงินพิเศษให้รอบตัวรถและนอกจากนี้ยังได้มีการตกแต่งรถยนต์ภายในด้วยหนังสีดำตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝรั่งเศษพร้อมทั้งธงที่ติดเอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถยนต์นอกจากนี้ก็ยังได้มีการแต่งลายละเอียดสีดำที่บนล้อและภายในห้องโดยสารอีกทั้งในรถคันนี้ยังได้มีความพิเศษคือหลังคาผ้าใบที่ไม่เหมือนกับรถคันไหนอีกด้วย

ประเทศญี่ปุ่น/Lexus LS 600hl

แน่นอนว่าสำหรับประเทศญี่ปุ่นยังไงแล้วก็จะต้องเป็นรถของสัญชาติของตัวเองนั้นก็คือแบนร์ดโตโยต้าและสำหรับรถของประเทศญี่ปุ่นที่ได้เลือกนั้นก็คือLexus LS 600hlแต่ที่น่าแปลกใจคือรถเหล่านี้ได้มาในรูปแบบเดิมๆและไม่ได้มรการดักแปลงใดๆที่เหมือนกับรถของผู้นำด้านอื่นๆและนั่นเอง

มันก็ได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรที่พวกเขานั้นมีและมันก้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รถหุ้มเกาะใดๆมาปกป้องเพราะเป็นเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นมิตรที่ดีต่อทั่วโลกทั้งนี้ผู้นำประเทศไม่ต้องใช้รถที่พิเศษใดๆที่จะต้องกลัวอันตราย

2ประเทศที่สภาพย่ำแย่จากการเมือง

เมืองที่คุณภาพชีวิตที่สุดจะเลวร้ายเหล่านี้ว่าสิ่งทั้งหมดที่เรานั้นต่างมีเหมือนกันก็คือความและแกร่งแย้งของผลประโยชน์ของมนุษย์ด้วยกันนั่นเอง

เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง

สำหรับเมืองบังกีได้มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อาทิของป่าไม้สัตว์ป่ายกตัวอย่างเช่นกอลิล่าและช้างป่าแร่ธาตุต่างๆทองเพชรและยูเรเนียมทั้งนี้เองก็ยังเป็นประเทศที่ได้มีความยากจนมากที่สุดในโลกเนื่องจากเป็นเพราะของสภาพของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการขาดเสถียนรภาพทางด้านการเมืองนับแต่ตั้งที่ได่รับเอกราชจากประเทศฝรั่งเศษเมื่อในปี2503ทั้งนี้ในบังกีนั้นยังเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยของความยากจนและยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะในจำนวนของประชาชนที่มีจำนวนมาก

ก็จะต้องพึ่งพาแต่ความช่วยเหลือเพื่อเป็นความอยู่รอดและยังยิ่งไปกว่านั้นด้านของปัญหาที่ได้มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงทางด้านของสมาชิกในพรรคการเมืองก็ได้มีการเกิดขึ้นอย่างไม่ว่างเว้นในบนพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากในความขัดแย้งของเหล่านักการเมืองแล้วยังได้มีความขัดแย้งทางด้านศาสนาคิดและศาสนามุสลิมด้วยทั้งยังซ้ำร้ายที่ประเทศแห่งนี้ก็ได้เกิดมีการทำการรัฐประหารกันอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งนี้ก็ยังส่งผลทำให้ประชาชนได้มีชีวิตในความเป็นอยู่ที่เลวร้ายเป็นอย่างมากทั้งนี้ประชาชนนั้นก็ยังไม่มีที่อยู่อาศัยที่ดีและสมบูรณ์และมันก็เป็นเนื่องมาจากที่ได้มีการทำการรัฐประหารอยู่ทุกครั้งนั่นเองและยังรวมไปถึงด้านปัญหาของเหล่านักการเมืองในประเทศนี้อีกด้วย

เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศที่มีการร่ำรวยน้ำมันและก๊าซทางธรรมชาติอย่างประเทศอิรักทั้งนี้เองก็ยังได้กลายเป็นประะเทศที่ได้รับกับความเสียหายจากผลกระทบบจากความขัดแย้งจากหลายครั้งหลายคาที่ได้มีการเกิดขึ้นมาภายในประเทศอิรักและในทั้งนี้ระบบของการจ่ายกระแสไฟฟ้าของประเทศอิรักนั้นได้สามารถส่งกระแสไฟฟ้าส่งได้เข้าถึงบ้านเรือนของชาวบ้านสามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้แค่ประมาณวันละ2/3ชั่วโมงเท่านั้น

และถ้าหากว่าชาวบ้านนนั้นจะต้องการที่จะใช้กระแสไฟฟ้าที่มากกว่านั้นก็จะต้องเป็นไปตามยถากรรมและถ้าหากว่าบ้านหลังไหนที่มีเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถที่จะปั่นไฟฟ้าใช้ได้ตลอด24ช.มและถ้าหากว่าบ้านไหนที่ไม่มีเครื่องที่ผลิตปั่นกระแสไฟ้าก็จะต้องอดทนเอาไปตามมีตามเกิดประเทศอิรักนั้นจะต้องประสบปัญหาการขาดแคลนด้านไฟฟ้าอย่างหนักท่ามกลางของสภาพอากาศฤดูร้อนระอุเฉลี่ยถึงประมาณ50องศาเซลเซียส

จำนวนเด็กอิรักกว่าประมาณ3ล้านคนก็ไม่สามารถที่จะกลับไปเรียนหนังสือได้ขณะที่โรงเรียนจำนวนมากกว่าครึ่งประเทศก็ได้รับการซ้อมแซมแน่นอนว่าสิ่งที่ไม่จำเป็นอื่นๆก็ไม่เพียงพอด้วยเช่นกันด้านแพทย์อาหารและยาที่อยู่อาศัยทั้งหมดนี้ทำให้คนในประเทศอิรักต้องเผชิญความเป็นอยู่ที่เลวร้ายสุดนรก

หมู่เกาะที่มีความเชื่อว่าเป็นประตูที่ตั้งของเอเลี่ยน

เกาะงูคลั่ง

ได้มีคนว่ากันว่าที่หมู่เกาะแห่งนี้นั้นได้เป็นหมู่เกาะแห่งเล็กๆที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติสนอกชายฝั่งรัฐซานฟรานโรที่ประเทศบราซิล ซึ่งโดยภูมิประเทศในแถบนี้นั้นได้เป็นแนวภูเขาหินยาวไปจนถึงป่าดงดิบและในป่าฝนและยังมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง667ฟุต โดยสถานที่แห่งนี้นั้นจัดได้ว่าได้เป็นพื้นที่ที่อันตรายที่จะต้องใช้ใบอนุญาติเข้าเท่านั้นและได้ประกาสให้หมู่เกาะแห่งนี้ได้เป็นเขตหวงห้ามไม่อนุญาติให้ประชาชนนั้น

เข้ามาอย่างเด็ดขาดยกเว้นแต่ให้กับนักวิทยาศษสตร์ให้เข้าไปทำการศึกษาและ ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่า หมู่เกาะงูคลั่นนั้นก็เป็นเพราะว่าพื้นที่บนเกาะแห่งนี้ได้มีจำนวนงูอาศัยอยู่ประมาณ5,000ตัวเรียกได้ว่า5ตัวต่อตาตรางเมตรกันเลยทีเดียวแล้วก็ล้วนเป็นงูพิษแทบทั้งสิ้นจัดได้ว่าหมู่เกาะแห่งนี้เป็นเกาะงูอย่างแท้จริงเลยทีเดียว

เกาะเคลื่อนที่ได้

เชื่อเหลือเกินว่าโลกของเรานั้นได้มีสิ่งที่ลึกลับอีกมากมายที่จะรอให้พวกเรานั้นได้เข้าไปพิสูจน์กันดูแต่เมื่อเราได้พบแล้วมนุษย์เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ทีมงานสำรวจเซนทีโอ้ผู้ผลิตและผู้กับกับภาพยนต์ชาวอาเจนติน่าเขาได้กำลังที่จะไขปริศนาหลังที่เขาได้พบกับเกาะเล็กๆที่แปลกประหลาดและสำหรับที่เขานั้นได้ทำการสำรวจหาพื้นที่ที่จะถ่ายทำหนังและสิ่งที่เป็นปริศนาอันน่าประหลาด

สิ่งนี้ก็แทบจะทำให้เขานั้นลืมจุดประสงค์ของตนเองโดยจากปากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่ได้ทำให้เขาได้รู้และทราบว่าแถบพื้นที่บริเวณนี้นั้นได้มีเรื่องราวที่มันแปลกประหลาดอย่างมากมายแต่มันก็ยังไม่มีใครที่จะได้เคยที่จะเข้าไปสำรวจพื้นที่บริเวณพื้นที่แห่งนี้อย่างจริงจังและโดยลักษณะของหมู่เกาะแห่งนี้นั้นเป็นเกาะที่โค้งกลมสมบูรณ์ที่ได้ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมพารานาระหว่างเมืองแคมปานาและซาราเตของประเทสอาเจนติน่ามันได้เป็นเกาะกลมเล็กๆ

อยู่ในบืงรูปทรงกลมแบบพอดีและมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ118เมตรเท่านั้น ซึ่งความกลมของเกาะแห่งนี้มันชั่งทำให้เพอร์เฟคจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะสามารถที่จะเกิดขึ้นมาเองได้โดยธรรมชาติแต่สิ่งที่จะต้องให้พววกเขาจะต้องตกใจก็คือเมื่อเขาได้นั่งไล่เรียงดูภาพจากGOOgle Mapsตามช่วงเวลาต่างๆแล้วเขาก้ได้พบว่าเกาะกลมอๆแห่งนี้นั้นสามารถที่จะหมุนหรือเคลื่อนที่ได้ราวกับว่ามันมีแกรนเป็นของตนเองอีกทั้งยังดึงดูดของนักล่ายูเอฟโอที่ได้เชื่อว่าสิ่งนี้แหละคือประตูที่ตั้งฐานลับของเอเลี่ยน

หมู่เกาะที่มีตำนานและถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

เกาะห่าผี

โดยเกาะแห่งนี้นั้นเป็นเกาะขนาดเล้กๆที่ได้ตั้งอยู่ในทะเลสาบเดลิเซียอยู่ในประเทศอิตาลีมมันได้มีทัศนียภาพที่ดูสวยงามและได้มีความเงียบสงบแต่รู้หรือไม่ถึงแม้ว่ามันจะดูสวยงามและมันหน้าอยู่แค่ไหนแต่มันกลับไม่มีผู้ใดที่จะกล้าไปใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้เลยสักคนและทำไมมันถึงได้เป็นเช่นนั้นแหละนั้นมันก็เป็นเพราะว่าเกาะแห่งนี้นั้นได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ศตวรรษที่5 โดยได้ถูกบันทึกเอาไว้ว่าได้เอาไว้ใช้หนีภัยสงครามของชาวอิตาลีกลุ่มหนึ่งที่ได้หนีความโหดร้ายของกองทัพชาวฮั่นที่ได้บุกเข้าโจมตรียุโรป

และในต่อมาในศตวรรษที่17 จึงได้มีการก่อสร้างป้อมปราการขึ้นมายังที่หมู่เกาะแห่งนี้เพื่อใช้เป็นการป้องกันบริเวณพื้นที่ในทะเลสาบซึ่งเรื่องราวของฐานหมู่เกาะแห่งนี้ก็ได้เริ่มต้นในปี1973เมื่อการละโรคได้ระบายในครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งยุโรปหมู่เกาะแห่งนี้จึงได้ถูกใช้ให้เป็นสถานที่กักกันผู้ที่ป่วยเป็นการละโรคเพื่อไม่ให้แพร่กระจายไปยังสถานที่อื่นๆ ซึ่งจำนวนของผู้ป่วยนั้นที่ได้ถูกนำเอามาทิ้งไว้พื้นที่บบนหมู่เกาะแห่งนี้คาดว่ามันน่าจะมีมากกว่า160,000คน โดยเป็นที่รู้กันว่าเมื่อใดก้ตามที่ได้มีผู้ป่วยที่ได้ถูกส่งมายังหมู่เกาะแห่งนี้

และก็จะไม่ได้มีใครที่จะได้กลับออกมาอีกเลยและในหมู่เกาะแห่งนี้นั้นจึงได้ถูกใช้ให้เป็นสถานที่สุสานของผู้คนเป็นจำนวนมากกว่า160,000คนและด้วยสาเหตุนี้นี่เองมันจึงไม่มีผู้ใดที่จะกล้าเข้ามาเยียบบบนหมู่เกาะแห่งนี้หากว่ามันไม่จำเป็นเพราะว่ามันได้มีเรื่องราวอันน่าขนลุกเกิดขึ้นมากอยู่เป็นประจำโดยหลังจากที่ภัยการละโรคนั้นได้จบสิ้นลงจากนั้นมีชาวประมงที่ได้ล่องเรือผ่านมายังหมู่เกาะแห่งนี้ก็ได้เล่ากันมาว่าพวกเขาก็มักจะได้ยินเสียงร้อนตะโกนจากบนเกาะลงมากว่าช่วยด้วยมารับที

ซึ่งเสียงที่พวกเขาได้ยินนั้นมันได้เป็นเสียงที่ดังมากเหมือนกับอย่างในสนามกีฬาและพวกเขาก็มักจะมองเห็นเงาของมนุษย์ได้ยืนเรียงรายกันอยู่ที่บริเวณริมหมู่เกาะจนทำให้ผู้คนได้เรียกที่หมู่เกาะแห่งนี้ว่าหมู่เกาะห่าผีและมาจนถึงในปี1922รัฐบาลอิตาลีนั้นก็ได้มีนโยบายให้มาปรับเปลี่ยนจากสิ่งก่ทอสร้างนั้นเอาไว้ใช้เป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นจิตเวช ซึ่งเรื่องราวที่ทำให้ขนลุกก็ได้เกิดขึ้นเช่นกันบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็มักจะได้สัมผัสกับความเย็นที่บริเวณต้นคออย่าง

ไม่ทราบสาเหตุแต่ในตอนกลางก็มักจะได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่ภายนอกอาคารและผู้ป่วยก็จะร้องออกมาโดยที่ไม่ทรายสาเหตุในตอนกลางคืน ซึ่งเหตุการณ์เช่นจึงทำให้จติแพทย์หลายคนสติแตกและได้ทำการทุบตีผู้ป่วยจนถูกร้องเรียงและอัดตราการลาออกของเจ้าหน้าที่ก็มีสูงทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ขาดแคลนเจ้าหน้าที่เมื่อเปิดรับสมมัครก็จะไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาสมัครและสุดท้ายโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ปิดตัวลงไป

ประเทศที่ไร้การถูกพัฒนา

ประเทศหลายๆประเทศผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างปลอดภัยมีสวัสดิการที่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีแต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่สำหรับใครในหลายๆคนการดำรงด์ชีวิตเป็นไปอย่างยากลลำบากประชาชนขาดการศึกษามีโรคระบายคุณภาพชีวิตย้ำแย่

ซึ่งประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศที่ยากเกินกว่าที่จะพัฒนาขึ้นมาได้และในวันนี้เราจะพคุณมาพบกับประเทศที่แย่เกินกว่าที่จะเยียวยา

เยเมน

เยเมยนับเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับการพัฒนาน้อยมากที่สุดและยังได้ประสบปัญหายากจนมากที่สุดในประเทศหนึ่งในกลุ่มอาหรับรวมไปถึงในการเรียนรู้หนังสือต่ำเพียงแค่ร้อยละ49เท่านั้น เนื่องจากเยเมนในขาดเสถียรภาพทางการเมืองมาอย่างยาวนานผลจากความขัดแย้งนั้นจึงทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงรวมไปถึงค่าเงินในประเทศยังตกต่ำจึงได้ทำให้ครอบครัวชาวเยเมนจำนวนมากเสี่ยงกับภาวะขาดแคลนอาหารเยเมนเป็นประเทศที่ได้นำอาหารเข้ามากถึงร้อยละประมาณ90ของอาหารที่บริโภคกันทั้งประเทศ

ในการยึดท่าเรือของกลุ่มกบฏจึงได้ทำให้การนำเข้าอาหารจึงเป็นไปได้อย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้นในความขัดแย้งของประเทศเยเมนจึงนำมาสู่ความอดยากในครั้งใหญ่ด้านประชาชนประมาณ14ล้านคนจากประชากรชาวเยเมนทั้งสิ้น24ล้านคนซึ่งกำลังได้ตกอยู่ในสภาวะที่หิวโหยเด็กเล็กประมาณ1.5ล้านคนจะต้องมาประสบปัญหากับสภาวะการขาดแคลนอาหารอย่างหนักและในอีกหลายสถานที่ยังมีความไม่สงบอย่างรุนแรงจึงได้ทำให้การช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆไม่อาจที่จะเข้ามาถึงได้และสำหรับด้านแม่ลูกอ่อนนั้นจะต้องหยดน้ำเปล่าเพื่อที่จะประทังความหิวเพราะตนเองนั้นก็อดยากจนทำให้ตัวเองนั้นไม่มีน้ำนมในสถานที่โรงพยาบาลก็ยังเต็มไปด้วยผู้ป่วยเพราะเกิดจากการขาดสารอาหารอีกทั้งยังขาดแคลนยาที่จะต้องนำเอามารักษาเจ้าเด็กเหล่านั้นด้วย

อิรัก

ท่ามกลางความขัดแย้งจึงทำให้ประเทศอิรักย้อแย่ลงไปเรื่อยๆจากประเทศที่มีจำนวนแหล่งน้ำมันมหาสารกลับกลายเป็นประเทศที่ได้มีปัญหาหลายอย่างทั้งการขาดสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นน้ำไฟฟ้า อิรัก ขาดแคลนแรงงานในภาคผลิตและการบริการต้องจ้างคนมาจากบังคลาเทศเนปาลเอและเอธิโอเปียโดยปกติแล้วคนภายในชาติเคยร่ำรวยแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบจึงได้ทำให้ที่นี่นั้นจึงไม่ได้เป็นอย่างเคย

ผู้คนอดยากขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มในหลฃายๆครอบครัวยากจนอย่างรุนแรงเด็กได้ขาดการศึกษาอาคารบ้านเรือนเสียหายไร้การซ่อมบำรุงขาดบุคลากรในด้านต่างๆหัวกะทิของประเทศก็ได้อพยพไปที่ต่างประเทศประเทศได้หยุดการพัฒนามานานนับ10ปีปัจจุบันในหลายครอวครัวยังประสบปัญหาการวางงานการขาดแคลนอาหารและยังมีอีกหลายๆครอบครัว

เขตปกครองของพม่า

จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐฉาน และ เขตปกครองของพม่า

ผู้ปกครองในเขตพม่าแท้ ในยุคนั้นจึงได้ชักชวนผู้นำเขตภูเขากลุ่มต่างเพื่อให้มาร่วมลงนามร่วมประเทศโดยจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะการให้เป็นเวลา10ปีเพื่อที่จะได้เรียกร้องถวงคือเอกราชจากประเทศอังกฤษและในภายหลังจากนั้นจะยอมให้รัฐต่างๆมีสิทธิ์แยกตัวไปเป็นอิสระซึ่งก็ได้เรียกกันว่าสัญญา ปางโหลงแต่สำหรับภายหลังของการลงนามก็ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมามากมายและทุกอย่างมันดูไม่ค่อยจะราบรื่นนักจนเมื่อได้ครบ10รัฐบาลกลางของพม่าขณะนั้นกลับไม่ยอดให้ทางรัฐต่างๆ

ได้แยกตัวไปเป็นอิสระตามข้อตกลงในสัญญาจึงได้สร้างความไม่พอใจจนได้มาเกิดเหตุการณ์การต่อตานรัฐบาลกลางอย่างหนักด้านกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่มได้ถูกตั้งขึ้นตามแนวชายแดนและมีการสู้รบต่อสู้กันมาอย่างยืดเยื้อและถึงแม้จะมีการพยายามเจรจาในการหยุดยิงหลายครั้งแต่ต่อมาถจนถึงวันนี้เสียของระเบิดและควันปืนก็ยังไม่เคยได้จางหายไปจากดินแดนแห่งนี้ ดอยก่อวัน ในวันท6กุมภาพันธ์2562 หนึ่งวันก่อนที่จะไกล้มาถึงวันชาติรัฐฉาน หรือ ในวันชาติไทใหญ่ด้านกลุ่มของทีมงานก็ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้กัน

แต่เช้าในตลอดเวลาในช่วงเช้า ณ สถานที่บนดอยก่อวันจะมีการทำพิธีบวงสรวงพระบวรราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งด้านภายในงานจะมีชาวไทใหญ่และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในระแวกไกล้เคียงได้เดินทางมาร่วมงานในพิธีกันเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งนักเรียนที่กำลังเตรียมทหารรุ่นที่15ของด้านกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ส่วนในช่วงบ่ายก็จะมีพิธีทอดผ้าป่าในวัดก่อวันอิน

โดยเจ้าคณะอำเภอแม่ฟ้าหลวงหลังจากที่ได้เสร็จสิ้นพิธีสงฆ์เหล่าทหารจะได้มีการซักซ้อมเพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมสำหรบที่จะมีงานในวันรุ่นขึ้น ดอยก่อวัน ได้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐฉาน ซึ่งได้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฐานปฏิบัติการรัฐฉานที่1ภาคพื้นเชียงตุงโดยมีพลเอกเจ้ากอนจิ้นซึ่งเป็นผู้บันชาการที่มั่นนี้ได้ตั้งอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ตรงข้ามกับอำเภอแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายทางฝั่งประเทศไทย บนดอยนอกจากจะเป็นฐานที่มั่นทางทหารที่มีค่ายคูประตูรบยังได้มีวัดและโรงเรียนสถานพยาบาลและยังบ้านเรือนประชาชนได้สร้างกระจายอยู่ผู้คน

ซึ่งได้อาศัยอยู่รวมกันประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันที่หลากหลายทั้งชาวบ้านที่เคยตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมและคนที่ได้อพยพหนีภัยสงครามมาจากหลายพื้นที่ในรัฐฉานประชาชนที่ได้มีอยู่ราวๆประมาณ3,000คนครึ่งหนครึ่งหนึ่งจะเป็นชาวคนไทใหญ่

 

สนับสนุนโดย  dewabet

หนึ่งสถานที่ที่ตัวคุณนั้นไม่อาจรับรู้มาก่อนว่ามันจะหลงเหลืออยู่

Ciudad Perdida 

หากเราย้อนกลับไปในปี คศ1972 กลุ่มนักล่าสมบัติที่กำลังเดินทางอยู่ในป่าของเขต  Perdida ประเทศโคลอมเบียได้บังเอิญพบเข้ากับบันไดหินที่มีลักษณะที่คล้ายกับกำลังนำพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งและเมื่อนักล่าสมบัติได้เดินทางตามไปเรื่อยๆพวกเขาก็ได้พบกับนครโบราณร้าง ซึ่งพวกเขาก้ได้ตั้งชื่อตามภาษาสเปว่า  Perdida หรือแปลเป็นภาษไทยว่า นครโบราณที่หายสาบสูญทั้งนี้ด้านกลุ่นนักสำรวจไม่ได้ค้นพบนครโบราณเพียงอย่างเดียวพวกเขานั้นยังได้ค้นพบทองคำรูปปั่นโบราณและสิ่งของที่มีค่าด้านอื่นๆ

ซึ่งทั้งหมดนี้ลวนก็ได้ถูดส่งออกไปขายยังตลาดมืดทั้งสิ้นกว่าที่ทางการ โคลอมเบีย จะทราบเรื่องและก็ได้เริ่มบูรณะนครโบราณแห่งนี้ก็ประเข้าไปในปี คศ1976  ซึ่งในเวลานั้นนครโบราณ Ciudad Perdida ก็เหลือค่เพียงโครงสร้างและก็ไม่ได้มีสิ่งของมีค่าใดๆให้หลงเหลืออยู่อีกแล้ว โดยจากการศึกษานักโบราณคดีได้พบว่านครโบราณแห่งนี้น่าจะมีอายุราวๆประมาณปี คศ650 ถึง 800

ซึ่งมันก็ได้มีอายุเก่าแก่กว่ามาชูปิกชูในประเทศเปรูอีกด้วยและเมื่อครั้งนครCiudad Perdidaเจริญรุ่งเรืองมันอาจจะมู้อาศัยมากถึง 2,000 ถึง 8,000คนเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่ทำให้นครโบราณนั้นถูกทิ้งร้างนั้นก็เป็นเพราะสเปนได้เข้ามาล่าในดินแดนอาณานิคมแห่งนี้และทำให้ชาวเมือง Ciudad Perdida ต้องสละทิ้งเมืองหรือไม่พวกเขาก็อาจจะถูกสังหารไปจนหมดสิ้นถึงแม้ว่าปัจจุบัน นครCiudad Perdidaจไม่หลงเหลือสิ่งของล้ำค่าอยู่อีกแล้วแต่สิ่งปลูกสร้างของที่นี่ก็ถือว่ามันอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่งผู้ที่ได้มาเยือนก็จะได้พบกับบันไดหินที่ได้ถูกวางเรียงเป็นบันไดเป็นจำนวน10,200ขั้นอีกทั้งยังมีพื้นที่ระเบียงหิน

ซึ่งได้ถูกสลักจากหินภูมิเขาไฟสร้างความสวยงามตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่งแต่อย่างไรก็ตามในการเดินทางไปยังนครCiudad Perdidaมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเนื่องจากนครโบราณแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ในป่าที่มีความลึกและผู้ที่จะต้องเดินทางเข้าไปจะต้องเดินทางด้วยเท้าประมาณ75กิโลเมตร ซึ่งมันจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ6วันเลยทีเดียว  นครใต้พิภพ Agartha ศตวรรษที่ 19 มีนักวิชาการผู้ที่สนใจในศาสตร์ที่ลึกลับชาวฝรั่งเศสอย่าง อเล็กซานเดอร์

ได้ออกมาเผยแพร่ทิศดีที่น่าสนใจและล้ำยุคที่สุดในยุคนั้นโดยกล่าวว่าโลกของเรานั้นกรวงและภายในโลกของเรายังมรดินแดนที่เราเรียกกันว่าอากาต้าที่ได้เชื่อกันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันมนุษย์ทรงปัญญาและมีศีลธรรมโดยอากาต้านั้นถูกเชื่อมโยงกับดินแดนใต้พิภพ

 

สนับสนุนมาจาก  rb88