2ที่สิ่งปริศนาที่ไม่มีคำตอบ

ม้วนเอกสารทองแดง

ซึ่งเอกสารม้วนทองแดงนี้มันได้ถูกค้นพบที่ด้านหลังของถ้ำที่ไกล้กับทะเลเดดซี โดยนักโบบราณคดีและในสไตล์การเขียนของนักเขียนภาษาและเนื้อหานั้นก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนและเมื่อมันที่ได้ถูกพบในปี1955ตัวทองแดงนั้น

ได้เป็นสนิมและสึกกร่อนมากจึงต้องถูกตัดออกเป็นแท่นประมาณแค่23เซนก่อนที่จะได้นำเอามาต่อกันอีกรอบทันทีที่ตัวอักษรสามารถที่จะมองเห็นและสามารถอ่านได้จากนั้นนักวิจัยก็จะได้เริ่มที่จะแปลภาษาฮินดูจากนั้นพวกเขาก็ต้องทึ่งเมื่อพบกับสิ่งที่ทำให้พวกเขานั้นทึ่งเพราะว่ามันเป็นรายชื่อที่บ่งบอกเกี่ยวกับสมบัติ

และที่ตั้งของสมบัติเอาไว้และปปัญหาเดียวก็คือเส้นทางที่จะพาไปที่มหาสมบัติที่มีมูลค่ารวมกว่า3,200,000นี้ผู้เขียนเขารู้แค่เพียงบริเวณที่ไกล็เคียงที่เราควรที่จะมองหาแค่เท่านั้นและด้วยความที่ไม่มีจุดเริ่มต้นการทำความเข้าใจในข้อความจึงเป็นการยากมากและสำหรับการบันทึกนี้ก็ได้ปลุกเหล่านักล่าสมบัติจากทั่วโลก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและใครจะไปรู้เหล่าว่าสมบัตินั้นมันจะยังมีอยู่ที่เดิมหรือว่ามันจะไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วแน่นอนและว่าจะต้องทำให้เหล่านักล่าสมบัติพวกนี้ต้องออกตามหากันอย่างแน่นอนแต่มันจะมากแค่ไหนซึ่งผู้เขียนนั้นเขาก็ให้รายละเอียดรอบๆที่เราอยากจะให้รู้เพียงเท่านั้นเองและที่หลงเหลืออีกมหาสารนั้นมันอยู่ที่ใดและไม่ได้มีการเขียนบันทึกเอาไว้บนแผนทองแดง

นครคาลาฮารีที่สาบสูญ

สำหรับบนโลกแห่งนี้ก็ยังมีนครที่ยังหายสาบสูญมากกว่าที่เรานั้คิดเอาไว้แต่หนึ่งในปรึศนาที่ลึกลับที่สุดก็น่าจะเป็นที่เมืองแห่งนี้ควบคลุมพื้นที่มากกว่า500,000ตารางกิโลเมตรได้ตั้งอยู่ในสะวันน่าช่วงปลายศตวรรษที่19Guillermo Farini เป็นนักไต่เชือกชื่อดังวางแผนการเดินทางจากแคปทาวในแอฟริกาใต้ไปตามเรื่องที่ชาวบรูแมนคนหนึ่งได้เหล่าให้เขาฟัง

และในหนังสือของเขาเองที่มีชื่อเรื่องว่าTHROUCH THE KALAHARI DESERT เขาก็ได้เขียนวิธีรายละเอียดที่เขานั้นได้ค้นพบหนึ่งในนครที่สาบสูญในบลูแมนเขาก็ยังได้บอกเอาไว้ว่าได้มีก้อนหินขนาดใหญ่วางซ่อนกันอยู่ในพื้นที่รูปโค้งและทางที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ทรายและปัญหาที่เกี่ยวกับการค้นพบนี้ก็คือไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งได้อีกเลยตั้งแต่นั้นมาหรือจริงๆแล้วมันเป็นแค่เพียงเรื่องบอกเล่าของภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่ดูเหมือนเป็นนครหรืออารยธรรมโบราณที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ทะเลทราย