ประเพณีผาเทียนเล่นไฟของจังหวัดสุโขทัย

 หากพูดถึงประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ ของชาวจังหวัดสุโขทัย นั้นก็คือประเพณีวันลอยกระทงของภาคอื่นอื่นนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่าไม่มีใครที่จะรู้แน่อย่างชัดเจนได้ว่า ประเพณี เผาเทียนเล่นไฟ หรือประเพณีวันลอยกระทงนี้มีมานานแค่ไหนแล้ว แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าประเพณีนี้เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ที่แน่แน่ ตั้งแต่เกิดมาจนจำความได้ เราก็เห็นการจัดประเพณีวันลอยกระทงนี้กันมาตั้งนานแล้ว ซึ่งในสมัยปู่ย่า ตายายเองก็บอกไว้แบบนี้เหมือนกัน ซึ่งตามที่มีการบันทึกเอาไว้ มีการเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงนี้เกิดขึ้นน่าจะสมัยพ่อขุนรามคำแหง

โดยมีความเชื่อกันมานานแล้วว่าประเพณีลอยกระทงนี้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว โดยมีการระบุเอาไว้ว่ามีหลักฐานเป็นหลักศิลาจารึก ซึ่งบันทึกไว้ที่หลักที่ 1  โดยใจความในศิลาจารึกนั้นมีว่า งานที่มีความสนุกสนานรื่นเริงที่จัดได้ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัยนั่นก็คืองาน เผาเทียนเล่นไฟ

ซึ่งเมื่อคนได้มาอ่านหลักศิลาจารึกต่างก็เข้าใจกันว่า การเผาเทียนเล่นไฟ ก็น่าจะเหมือนถึงการลอยกระทงนั่นเอง

 ในปัจจุบันที่จังหวัดสุโขทัย ยังมีการจัดประเพณีเผาเทียน เล่นไฟกันเป็นประจำทุกปี และถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย ประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียงรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมงาน การสืบสารประเพณีนี้ หลายประเทศมีการนำประเพณีนี้ไปเผยแพร่ให้ประชาชนได้ชมว่า ในงานมีการจัดการละเล่นอะไรบ้าง

ซึ่งหลักหลักเลย ชาวบ้านจะช่วยกันเตรียมกระทงที่มีการประดิษฐ์อย่างสวยงาม ซึ่งภายในกระทงก็จะมีการนำ ดอกไม้มาประดับตกแต่ง และปักเทียนเอาไว้ภายในกระทง  แล้วเจ้าของกระทงก็จะมีการนำกระทงไปลอยในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งจะต้องมีการจุดเทียนและอธิฐานก่อนที่จะปล่อยกระทงลงแม่น้ำด้วย

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจุดพลุ จุดตะไล รวมถึงจุดดอกไม้ไฟ ซึ่งใครที่ได้เห็นต่างก็ชื่นชมกับแสงสีภายในงานที่มีการจัดไว้อย่างสวยงามมาก โดยการจัดประเพณีเผาเทียน เล่นไฟนี้จะจัดในวันเพ็ญเดือน 12 ซึ่งก็ตรงกับวันลอยกระทง ที่จังหวัด อื่นอื่น ต่างก็จัดงานแบบนี้เหมือนกัน

ซึ่งการจัดงานประเพณี เผาเทียน เล่นไฟนี้ ถือว่าเป็นการสืบสานวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณให้คงอยู่ เพื่อให้ลูกหลานที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันรู้ว่าในอดีตเคยมีการจัดงานในลักษณะนี้มาก่อน และถือเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยได้อีกแรงหนึ่งด้วย